เหมือนได้เที่ยวรอบโลก แต่จริงๆแล้วอยู่แค่ญี่ปุ่น! หลุดกรอบจากการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแบบเดิม เพราะญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่ภูเขาไฟฟูจิ วัด และศาลเจ้าอย่างเดียว ตามไปเที่ยวกับเราที่ญี่ปุ่น ในที่ที่ไม่เหมือนญี่ปุ่น

ที่นี่ใช่ญี่ปุ่นจริงๆรึเปล่า

ญี่ปุ่นในความคิดของคุณต้องเป็นอย่างไร? ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขา วัด ศาลเจ้า เกาะและทะเล ทุ่งนาเขียวชอุ่ม หรือซากุระ

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในแดนอาทิตย์อุทัยที่เราคุ้นเคยกันดี แต่วันนี้เราจะขอมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่ต่างออกไปเล็กน้อย มีตั้งแต่ทะเลทราย ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น มาเที่ยวญี่ปุ่นที่เดียวแต่เหมือนได้ไปเที่ยวทั่วโลก

1.รูปปั้นโมอาย (Sun Messe Nichinan) จ.มิยาซากิ

เริ่มต้นที่เกาะคิวชูทางตอนใต้ของญี่ปุ่น หน้าผาเขียวชอุ่มที่มีฉากหลังเป็นทะเลสีสันสดใส มีรูปปั้นโมอายขนาดใหญ่ยืนเรียงรายอยู่ริมฝั่งทะเล ซัน เมส นิจินัน (Sun Messe Nichinan) ถึง 7 ตัว

รูปปั้นโมอายเหล่านี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? จริงๆแล้วรูปปั้นโมอายที่จังหวัดมิยาซากินี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงชาวญี่ปุ่นที่ช่วยฟื้นฟูรูปปั้นโมอายบนเกาะอีสเตอร์ โดยปกติแล้วการสร้างรูปปั้นโมอายที่ขนาดใหญ่แบบนี้เป็นสิ่งที่ห้ามทำ เพื่อเป็นการเคารพต่อผู้คนบนเกาะอีสเตอร์ เราจึงไม่สามารถเห็นรูปปั้นโมอายขนาดใหญ่แบบนี้ได้ที่ไหนเลย แต่ 7 ตัวนี้ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการขอบคุณที่ญี่ปุ่นสนับสนุนโครงการฟื้นฟูรูปปั้นโมอายบนเกาะอีสเตอร์ รูปปั้นโมอายที่จังหวัดมิยาซากินี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นสัญลักษณ์ของนักสำรวจโบราณของเกาะอีสเตอร์ 

แม้ว่าจะมีการอนุญาตให้สร้างรูปปั้นโมอายขึ้นในโครงการฟื้นฟูรูปปั้นโมอายบนเกาะอีสเตอร์ ในช่วงปี 1990 แต่วัสดุที่ใช้สร้างนั้นแตกต่างจากรูปปั้นจริง มีการใช้การแจกจ่ายพิเศษขึ้นแทน และไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้หินที่อยู่บนเกาะอีสเตอร์ในการสร้าง

ซัน เมส นิจินัน (Sunmesse Nichinan, サンメッセ日南)
ที่อยู่: 2650 Miyaura, Nichinan, Miyazaki
ปิดวันพุธ
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 700 เยน, นักเรียนประถม 500 เยน, เด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป 350 เยน
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)

2. ทะเลทราย (The Tottori Sand Dune) จ.ทตโตริ

จังหวัดทตโตริเป็นจังหวัดที่อยู่เลียบชายฝั่งทะเล จึงมีชายหาดมากมาย แต่มีอยู่หนึ่งหาดที่แตกต่างไปจากที่อื่น นั่นก็คือชายหาดที่เป็นเนินทรายขนาดใหญ่ โดยมีความยาวจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก 16 กิโลเมตร และความยาวจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ 2 กิโลเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าชายหาดทั่วไป ถ้าไม่มีน้ำทะเลที่นี่ก็เป็นทะเลทรายดีๆนี่เอง ยิ่งถ้าได้นั่งชมวิวตอนพระอาทิตย์ตกดิน จะเห็นถึงแสงกระทบกับทรายและน้ำทะเล เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรไปเที่ยวสักครั้ง

แม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าทะเลทรายโกบี แต่เนินทรายที่สูงท่วมหัวนี้ก็ทำให้หลายคนตื่นเต้นกับทะเลทรายไม่น้อย รวมถึงชาวญี่ปุ่นเองก็คิดว่าที่นี่เป็นทะเลทรายญี่ปุ่น คนที่มาเที่ยวที่นี่สามารถขี่อูฐ ให้บรรยากาศราวกับได้ไปเที่ยวทะเลทรายในอาหรับ รวมถึงกิจกรรม outdoor อื่น ๆ อย่างเช่น การเล่นร่มร่อน หรือ พาราไกลดิง (paragliding) ขี่จักรยานเสือภูเขา หรือไม่ก็นั่งบนเลื่อนทราย เปลี่ยนบรรยากาศจากหิมะเป็นทราย!

ทะเลทราย (The Tottori Sand Dune)
ที่อยู่: 2164-661 Fukubecho Yuyama, Tottori
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)

3. สะพานสึโนะชิมะ (Tsunoshima Bridge) จ.ยามากุจิ

แค่มหาสมุทรเพียงอย่างเดียวก็สวยมากอยู่แล้ว แต่วิวของน้ำทะเลสีฟ้าที่มีสะพานพาดผ่านยาวสุดลูกหูลูกตา ก็ยิ่งสะกดสายตามากขึ้น ตามไปเที่ยวกันได้ที่ สะพานสึโนะชิมะในจังหวัดยามากุจิ สะพานสร้างขึ้นในปี 2020 เพื่อเชื่อมต่อ ชิโมโนเซกิ ที่อยู่บนเกาะหลักของญี่ปุ่น และเกาะสึโนะชิมะ สะพานแห่งนี้ยังได้รับการโหวตให้เป็นสะพานที่เจ๋งที่สุดในปี 2015 ซึ่งการโหวตนี้ทำให้เห็นได้ว่าจำนวนสะพานในญี่ปุ่นไม่น้อยเลยที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว

หากมีโอกาสเราแนะนำให้ขับรถจาก ชิโมเนะเซกิ ข้ามไปยังเกาะสึโนะชิมะ ชมภาพบรรยากาศระหว่างทางสวยๆ เป็นอีกหนึ่งแห่งที่เหมาะกับการท่องเที่ยวในฤดูร้อน และยังเหมาะกับการท่องเที่ยวในช่วงโควิด ที่ต้องมีการรักษาระยะห่างอีกด้วย 

สะพานสึโนะชิมะ (Tsunoshima Bridge)
ที่อยู่: Tsunoshima, Toyokitacho Oaza, Shimonoseki-shi, Yamaguchi
 

4. ฟุคุกิ-นามิกิ (Fukugi-Namiki) จ.โอกินาว่า

โอกินาว่า หรือฮาวายญี่ปุ่น ที่มีทั้งธรรมชาติแบบ tropical และมีภาพที่แตกต่างจากญี่ปุ่นที่เคยเห็น ที่ถนน ฟุคุกิ-นามิกิ (Fukugi-Namiki) ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนที่มีเส้นทางเหมือนเขาวงกตที่อยู่บนเกาะอันเขียวขจี เหมือนได้วาร์ปเข้าไปอยู่ในป่า ทั้งๆที่ห่างจากทะเล และตัวเมืองโอกินาว่าเพียงไม่กี่นาที เป็นที่ที่สามารถนั่งเกวียนเทียมควาย หรือจะค่อยๆเดินเล่นชมบรรยากาศธรรมชาติก็ได้เหมือนกัน

เมื่อมาดูอีกฝั่งของฟุคุกิ-นามิกิ ก็จะเป็นชายหาดและน้ำทะเลใสแจ๋วเอกลักษณ์ของโอกินาว่า ทำให้แถวนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกัน เพราะที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าดิบชื้น ทั้งๆที่อยู่ในญี่ปุ่น ทั้งแสงแดด ร่มเงาจากต้นไม้และใบไม้ จะทำให้การถ่ายภาพของคุณสวยไม่เหมือนใคร 

ถนนฟุคุกิ-นามิกิ (Fukugi-Namiki) 
ที่อยู่:  389 Bize, Motopucho, Kunigami-Gun, Okinawa

5. ฮาคุบะ (Hakuba) จ.นางาโนะ

ถ้าพูดถึงลานสกีที่มีหิมะนุ่มดุจผงแป้ง และเป็นที่ที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวมานาน ก็ต้องเป็น เจแปนแอลป์ ซึ่งบนยอดเขาที่สูงที่สุดนั้นมีหิมะปกคลุมตลอดปี เมื่อถึงฤดูหนาวก็ดึงดูดนักสกีจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงบรรดานักปีนเขาในช่วงที่อากาศอุ่นขึ้น ด้วยความลาดเอียงของเนินเขาในระดับที่พอเหมาะ ที่นี่จึงได้เป็นสถานที่ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ในปี 1998 อีกด้วย ซึ่งจากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดน่าจะสามาถตอบได้ว่าทำไมที่นี่จึงถูกเรียกว่าเป็น เจแปนแอลป์ เหมือนภูเขาชื่อดังในทวีปยุโรป

ฮาคุบะ (Hakuba) จ.นางาโนะ
ที่อยู่: Hakubamura, Kita-Azumigun, Nagano

มีความรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ในญี่ปุ่น

อาจทำให้สับสนเล็กน้อยว่าทำไมเที่ยวในญี่ปุ่น แต่เหมือนได้เที่ยวประเทศอื่น แต่หลายๆที่นั้นก็มีความน่าสนใจในตัวของมันเอง ในหลายแง่ทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติ ถ้าอยากให้การท่องเที่ยวญี่ปุ่นของคุณไม่เหมือนเดิม และได้มองญี่ปุ่นในมุมใหม่ ก็ลองไปเที่ยวตามที่เหล่านี้ดู แต่ถ้าหากยังสับสนหรือมีข้อสงสัยในการท่องเที่ยวญี่ปุ่น สามารถมาคุยกับเราได้ที่คอมเมนต์ด้านล่าง หรือ Facebook อัพเดตข่าวสารทุกเรื่องราวส่งตรงจากญี่ปุ่น 

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
Road Trip Tokyo -> Nagano : Nissan Rent-a-Car ซากุระ วาซาบิ Naraijuku