CONTENTS
ท่องเที่ยวไปในภูเขาสีเขียวขจี แหวกว่ายในท้องทะเลสีน้ำเงิน โลกแห่งเทพเจ้า และเรื่องราวในอดีตของซันอิน
ภูมิภาคซันอิน
ภูมิภาคซันอินมีลักษณะพื้นที่แคบยาวตามแนวชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น และมีตำนานอันล้ำค่าของญี่ปุ่นอยู่บริเวณใจกลาง เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างผู้คนในซันอิน คนญี่ปุ่น กับเทพเจ้าหลายองค์ ทั้งภูเขาและทะเลนั้นเป็นจุดรวมตัวกันของเหล่าเทพเจ้าชินโต โดยในแต่ละเมืองของภูมิภาคซันอินนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ของท้องถิ่น ทั้งตำนานและวัฒนธรรม ไม่ว่าคุณอยากจะรับประทานอาหารทะเลอร่อยๆ ตามหาสมบัติทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ สัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น หรือพักผ่อนแบบสบายๆกับวิวของพระอาทิตย์ตกดิน ภูมิภาคซันอินก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่จะให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวญี่ปุ่นของคุณในแบบที่หาไม่ได้ที่อื่น
อิซูโมะ – ชิมาเนะ โลกแห่งเทพเจ้า
ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ (Izumo Taisha Shrine)
การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นกันที่ ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ (出雲大社) ศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีการจดบันทึกไว้ในโคจิกิและนิฮงโชกิ หนังสือบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุด ผู้คนทั่วโลกนิยมเดินทางมาสักการะเทพชินโต เพื่อขอพรเรื่องคู่ครอง ส่วนคนที่มีคู่ครองอยู่แล้วก็จะพากันมาขอพรให้รักกันยาวนาน ที่นี่นอกจากจะมีเทพที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังเป็นสถานที่ที่เทพเจ้าทั้ง 8 ล้านองค์ของญี่ปุ่นรวมตัวกันอีกด้วย ตำนานญี่ปุ่นได้กล่าวไว้ว่า เทพเจ้ากว่าล้านองค์จะมารวมตัวกันระหว่างเดือน 10 ตามปฏิทินญี่ปุ่นโบราณ (ราวเดือนพฤศจิกายน) ที่อิซูโมะ ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักกันในนามว่า "ดินแดนแห่งเทพเจ้า"
ที่ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ มีเชือกถักชิเมะนาวะขนาดใหญ่ตกแต่งอยู่ที่ไฮเด็น (หน้าศาลเจ้า) และใกล้กับคากุระเด็น สถานที่สำหรับเต้นรำและประกอบพิธีกรรมต่างๆ เชือกถักชิเมะนาวะใช้เวลาในการถักนานเป็นปี จากฟางเส้นเล็กๆ ถักจนมีขนาดใหญ่ เป็นเครื่องหมายบอกเขตแดนของเหล่าเทพ
ที่ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ มีเชือกถักชิเมะนาวะขนาดใหญ่ตกแต่งอยู่ที่ไฮเด็น (หน้าศาลเจ้า) และใกล้กับคากุระเด็น สถานที่สำหรับเต้นรำและประกอบพิธีกรรมต่างๆ เชือกถักชิเมะนาวะใช้เวลาในการถักนานเป็นปี จากฟางเส้นเล็กๆ ถักจนมีขนาดใหญ่ เป็นเครื่องหมายบอกเขตแดนของเหล่าเทพ
ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ (Izumo Taisha Shrine, 出雲大社)
195 Taishacho Kizukihigashi, Izumo, Shimane
เวลาเปิดปิด: 8:30 – 17:00
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
ประภาคารฮิโนมิซากิ (Hinomisaki Lighthouse)
ไม่ไกลจากศาลเจ้าอิซูโมะ ฮิโนมิซากิ (日御碕) เป็นสถานที่ที่เป็นมรดกของญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องพระอาทิตย์ตกดินอันสวยงามและมีความสำคัญทางจิตวิญญาณ โดยสามารถมองเห็นได้จากหน้าผาสูง นั่นก็คือ "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งพระอาทิตย์ตกดิน" (日が沈む聖地出雲) และชาวบ้านในท้องถิ่นของชิมาเนะตะวันตกเองก็ได้ชื่นชมพระอาทิตย์ตกดินอันล้ำค่านี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ นานกว่าพันปีมาแล้ว
ประภาคารที่ตั้งอยู่เหนือน้ำแห่งนี้ สร้างเสร็จในปี 1903 และได้กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา มักจะมีคู่รักที่เพิ่งคบกันปีนขึ้นไปบนประภาคาร ที่มีความสูง 44 เมตร เพื่อชมบรรยากาศโดยรอบและพระอาทิตย์ตกที่ฮิโนะมาซากิ โดยมีความเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโชคและให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ยืนยาว ไม่ว่าจะไปกับคนพิเศษ เพื่อน หรือจะลุยเดี่ยว คุณจะต้องประทับใจกับภาพเงาของประภาคารที่ตัดกับแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป
Izumo Hinomisaki Lighthouse (出雲日御碕灯台)
1478 Taishacho Hinomisaki, Izumo, Shimane
ค่าเข้าชม 300 เยน
เวลาเปิดปิด: 9:00 – 16:30 (วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดของมีนาคม – กันยายน ปิดเวลา 17:00)
ชายหาดอินะซาโนะฮามะ
ศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะเป็นหัวใจของศาสนาชินโตญี่ปุ่นอันเก่าแก่ แต่เมื่อเทพเจ้าได้มารวมตัวกันในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะไปรวมตัวกันที่หาดอินะซาโนะฮามะ (บ้างเรียกว่าหาดอินะซา หรือ อินะซาโนะฮามะ) สถานที่ที่เหล่าเทพเจ้าจะมาเฉลิมฉลองกันอยู่บริเวณด้านล่างหน้าผา ตามแนวชายฝั่งฮิโนมิซากิ มีเบ็นเท็นจิมะ (Bentenjima) ก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ริมชายฝั่ง และศาลเจ้าชินโตเล็กๆ ตั้งอยู่ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมพระอาทิตย์ตก ชมแสงสีส้มแดงที่กำลังจะลับขอบฟ้า โดยมีเบ็นเท็นจิมะอยู่เบื้องหน้า
หาดอินะซาโนะฮามะ (Inasanohama Beach (稲佐の浜)
2711 Taishacho Kizukikita, Izumo, Shimane
หุบเขาทาจิคุเอะ (Tachikue Gorge)
ห่างจากชายฝั่ง ลึกเข้าไปในหุบเขา มีหุบเขาทาจิคุเอะ (Tachikue Gorge) ที่มีชื่อเสียงว่ามีหน้าผาอันขรุขระโผล่ขึ้นมาเหนือแม่น้ำคันโดะ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะมานานหลายปี และยังมีต้นสนโบราณรายล้อมอยู่ทั่วบริเวณ ทางเดินที่ทอดยาวเลียบแม่น้ำ ปกคลุมด้วยพรมธรรมชาติอย่างต้นมอส ที่ดูเหมือนกับฉากในอนิเมชั่นของจิบลิ มองเห็นวัดไม้เล็กๆ ไล่ขึ้นไปบนเขา สำหรับผู้ที่มองหาเส้นทางเดินที่ผ่อนคลาย เงียบสงบ ที่มีแมลงปอและกิ้งก่าตัวเล็กๆเป็นผู้ร่วมเดินทาง หรือแม้แต่คนที่อยากปีนเขาเพื่อไปชมวิวบริเวณยอดเขา
จุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปถึงหุบเขาทาจิคุเอะก็คือ จิโสะ หรือรูปปั้นพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ในป่าอันร่มรื่นแห่งนี้ มีรูปปั้นพระพุทธรูปหินมากกว่า 1,000 องค์ และกลุ่มรูปปั้นจิโสะที่ถูกตะไคร่น้ำเกาะ ก็ทำให้ป่าแห่งนี้ดูลึกลับและเงียบสงบในเวลาเดียวกัน จนบางครั้งก็เดาได้ว่าสตูดิโอจิบลินั้นได้ไอเดียสำหรับฉากต่างๆมาได้อย่างไร จิโสะแต่ละองค์มีหน้าตาที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่าไปจ้องใกล้ๆหละ! เพราะตามตำนานนั้นกล่าวไว้ว่า ถ้าสำรวจแต่ละองค์ใกล้ๆ ก็จะเจอรูปปั้นที่หน้าตาเหมือนกับคุณ และก็จะถูกสาปให้เกิดความโชคร้ายในอีกสามวัน!
หุบเขาทาจิคุเอะ (Tachikue Gorge (立久恵峡)
Otsutachicho, Izumo, Shimane
เมืองยาสุงิ จังหวัดชิมาเนะ – ศูนยก์กลางศิลปะและงานฝีมือญี่ปุ่น
Yasugi-bushi Performance Hall
ยาสุงิเป็นเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีการกล่าวไว้ว่าเป็นที่ฝังศพของเทพอิซานามิ และเป็นศูนย์กลางการผลิตเหล็กญี่ปุ่นโบราณ แต่อย่างไรก็ตามวัฒนธรรมก็มีการเติบโตขึ้น และพัฒนาอย่างต่อเนื่องหลายศตวรรษ ทำให้ยาสุงิเป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่หลงเหลือไว้ เช่น ยาสุงิบูชิ (安来節) การแสดงพื้นบ้านที่เป็นการผสมผสานระหว่างเพลงพื้นบ้าน การเต้นรำ และการแสดงตลกเข้าด้วยกัน โดยมีต้นกำเนิดจากการแสดงที่เกิดขึ้นในช่วงสมัยเอโดะ (1603 – 1868) โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 1694 แต่ยาสุงิบูชิได้เข้ามามีบทบาทในช่วงยุคไทโช ช่วงสั้นๆในต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ชมทั่วทั้งญี่ปุ่นคุ้นเคยกับ "โดโจ โอโดริ" (Dojo Odori, どじょう踊り) การแสดงการเต้นรำที่มีท่าทางแบบการตกปลาโดโจ การแสดงยาสุงิบูชิอันมีชื่อเสียง
ในช่วงก่อนยุคไทโช ชาวบ้านในยาสุงิบูชินั้นตระหนักว่าวัฒนธรรมพื้นบ้านนี้มีความสำคัญมากเพียงใดต่อเมือง และวัฒนธรรมดังกล่าวก็มีโอกาสที่จะหายไปได้ง่ายๆ จึงมีการจัดตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์ยาสุงิบูชิขึ้น เพื่อรักษาประเพณีนี้ให้คงอยู่ต่อไป หลังจากนั้นในปี 2006 กก็ได้มีการจัดสร้าง Yasugi-bushi Performance Hall (ยาสุงิบูชิเอ็นเกคัง, 安来節演芸館) เพื่อเป็นสถานที่จัดการแสดงยาสุงิบูชิแบบถาวร ผู้เข้าชมสามารถเข้าเยี่ยมชมโรงละครแบบดั้งเดิมอันสะดวกสบาย เพื่อฟังเพลงและชมการเต้นรำแบบโบราณได้ทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) และในช่วงเวลาที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้ชมสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโชว์ได้อีกด้วย
Yasugi-bushi Performance Hall (安来節演芸館)
534 Furukawacho, Yasugi, Shimane
ตั๋ว: 800 เยน
เวลาเปิดปิด: 10:00 -17:00 (ช่วงโควิดปิด 15:00 น. หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง)
วันหยุด: วันพุธแรกของเดือนพฤษภาคม ตุลาคม และพฤศจิกายน
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
การย้อมครามไอโซเมะ ที่อะมาโนะโคยะ
ไอโซเมะ การย้อมครามแบบโบราณ เป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมจากเมืองยาสุงิ โดยเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประวัติศาสตร์การสร้างสรรค์ผลงานไอโซเมะที่สวยงาม และยังคงวิธีการย้อมแบบโบราณไว้จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ในชีงิตประจำวัน ไปจนถึงงานศิลปะที่ต้องใช้ความปราณีต ในยาสุงิจะใช้ไอโซเมะในการย้อมเส้นด้ายฝ้ายก่อนที่จะนำไปทอเป็นผ้า และประเพณีท้องถิ่นอย่าง ฮิโรเสะกาสุริ ก็มีความเกี่ยวข้องกับช่างฝีมือไอโซเมะในการย้อมเส้นด้ายอย่างปราณีต และนำมาทอเป็นผ้าที่มีลวดลายสลับซับซ้อน คล้ายกับผ้ามัดหมี่ เมื่อเวลาผ่านไป ช่างฝีมือที่มีทักษะในการทำฮิโรเสะกาสุริก็เริ่มหายากขึ้น แต่ Hisashi Amano ช่างฝีมือรุ่นที่ 5 และครอบครัวยังคงรักษาโรงงานทอผ้าอะมาโนะโคยะ ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1870 เอาไว้ และอนุรักษ์งานฝีมือมาเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษครึ่งแล้ว ผู้เข้าชมสามารถการทำงานของช่างฝีมือ เข้าร่วมเวิร์คชอปการย้อมผ้าแบบไอโซเมะ และเลือกซื้อผ้าย้อมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวติดมือกลับบ้านไป
เวิร์คชอปย้อมผ้าของ Amanokouya จะให้เราได้สัมผัสกับงานฝีมือแบบดั้งเดิม โดยใช้เทคนิคการย้อมง่ายๆ นำมาย้อมผ้าโพกศีรษะ ผ้าเช็ดมือเทะนุกุยของญี่ปุ่น หรือเสื้อยืดในถังลึกสำหรับการย้อมคราม เวิร์คชอปจะสอนโดยคุณ Hirashi Amano ผู้มีเล็บสีน้ำเงินสดใสและมีการสอนอันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อเลือกแบบที่ต้องการได้แล้ว คุณ Amano ก็จะให้คำแนะนำในแต่ละขั้นตอน อธิบายถึงความสำคัญของออกซิเจน ไปจนถึงสีสันที่สดใส และแบคทีเรียดีที่ทำให้ได้สีที่สดใส โดยเน้นที่การจุ่มลงไปในถังย้อม คุณ Amano จะนับถอยหลังจนกระทั่งได้จุ่มลงไป พร้อมกับทำเสียงประกอบ "โดบ้ง!" สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กและผู้ใหญ่
อย่าลืมแวะชมห้องของคุณ Amano ที่เต็มไปด้วยเครื่องทอผ้าโบราณขนาดใหญ่ ที่ใข้สำหรับทอผ้าด้วยด้ายไอโซเมะ เมื่อก่อนช่างฝีมือที่ใช้สีย้อมไอโซเมะและผู้ทอผ้าฮิโระเสะกาสุริทำงานแยกกัน แต่เนื่องจากโรงงานทั้งสองมีจำนวนลดน้อยลงตลอดช่วงศตวรรษที่ 20 ทำให้คุณปู่ของคุณ Hisashi Amano หาวิธีรักษาทั้งสองส่วนนั้นไว้ หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้ซื้อห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องทอผ้าเก่า เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมเอาไว้ และในปัจจุบันคุณพ่อของคุณ Hisashi Amano ก็ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องจักรอายุกว่าร้อยปี ในการทอผ้าไอโซเมะที่มีความสวยงาม
Amanokouya Aizome (天野紺屋)
968 Hirosecho, Hirose, Yasugi, Shimane
เวิร์คชอปไอโซเมะ: 2,500 เยน ขึ้นไป
เวลาเวิร์คชอป: 10:00 – 12:00 จองสองคนขึ้นไป
เวลาเปิดปิด: 10:00 – 18:00
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
มัตสึเอะ จังหวัดชิมาเนะ – ดินแดนแห่งทะเลสาบ
ทางรถไฟอิจิบาตะและการปั่นจักรยาน
เมืองมัตสึเอะ เป็นเมืองที่อยู่ลึกเข้าไประหว่างสองทะเลสาบ ได้แก่ ทะเลสาบชินจิ (ชินจิโกะ, Shinjiko, 宍道湖) ทางตะวันตก และทะเลสาบนากาอุมิ (Nakaumi, 中海) ที่มีลักษณะคล้ายอ่าวน้ำกร่อย ในทิศตะวันออก ด้วยโลเคชั่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้ ทำให้มัตสึเอะเคยเป็นศูนยกลางความเจริญของอำนาจในท้องถิ่น สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองอยู่ปลายด้านตะวันออกของทะเลสาบชินจิ ตั้งแต่ปราสาทมัตสึเอะ ไปจนถึงบรรยากาศของทะเลสาบเอง และหนึ่งในวิธีการเที่ยวบริเวณนี้ให้สนุกก็คือ การนั่งรถไฟและปั่นจักรยานที่ Ichibata Electric Railway เป็นการนั่งรถไฟ และปั่นจักรยานไปยังจุดหมายปลายทางแต่ละแห่ง ไม่เพียงแต่จะเป็นการผสมผสานการเดินทางระหว่างรถไฟและจักรยานแล้ว ยังเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วในการเดินทางรอบเมือง โดยสามารถชมวิวของแสงอาทิตย์ที่กระทบกับผิวน้ำอันเงียบสงบระหว่างเดินทางโดยรถไฟ
จริงๆแล้วรถไฟนั้นวิ่งจากสถานี Matsue Shinjiko-Onsen ใกล้กับปราสาทมัตสึเอะ ไปยังสถานี Izumotaisha-mae ทางทิศตะวันตก ขึ้นไปทางเหนือรอบทะเลสาบชินจิ เพื่อไปจอดยังศาลเจ้าอิซูโมะไทฉะ แต่ถ้าจะนั่งแค่รถไฟมันก็จะธรรมดาไป เพราะเราสามารถเช่าจักรยานที่อยู่ตรงสถานี Matsue Shinjiko-Onsen โดดขึ้นลงรถไฟแวะเที่ยวยังปราสาทมัตสึเอะ Matsue English Garden, Matsue Vogel Park พร้อมชมวิวสวยๆของทะเลสาบตลอดเส้นทาง
Ichibata Electric Railway ・ Matsue Shinjiko-Onsen Station (一畑電車・松江しんじ湖温泉駅)
Dotecho Nakabaracho, Matsue, Shimane
ตั๋ว
Passenger Day Pass 1,600 เยน / เด็ก 800 เยน
ตั๋วสำหรับจักรยาน 320 เยน / 5 ใบ 1,000 เยน
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
Matsue Vogel Park
สถานที่ที่น่าตื่นเต้นและอาจเป็นที่ที่ไม่อาจไม่ได้อยู่ในลิสต์ของใครหลายคน ในระหว่างเส้นทางของรถไฟสาย Ichibata ก็คือ Matsue Vogel Park สวนที่มีทั้งสวนพฤกษศาสตร์ สวนนก สวนสัตว์ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนชอบถ่ายรูปเลยทีเดียว
เดินจากสถานี Matsue Vogel Park ไม่กี่ก้าวก็จะเจอกับทางเข้าสวน ที่มีนกฮูก และเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่มีการควบคุมอุณหภูมิซึ่งเต็มไปด้วยพืชพันธุ์กว่า 10,000 ชนิด เรือนกระจกแห่งนี้แตกต่างจากเรือนกระจกที่อื่นตรงที่ ทำหน้าที่กักเก็บความเย็นและความแห้งในตลอดฤดูร้อน เนื่องจากห้องดอกไม้ของที่ Matsue Vogel Park ส่วนใหญ่แล้วตกแต่งด้วยต้นบีโกเนียหลากสีสัน และต้นฟูเชียสีชมพูและม่วง ไม่ว่าจะเป็นต้นที่ห้อยอยู่บนเพดาน ปลูกอยู่บนพื้น หรือต้นที่ตัดแต่งเป็นรูปทรงสวยงาม เพื่อเป็นจุดถ่ายภาพที่ระลึก เช่นดอกไม้สีชมพูที่จัดเป็นพวงดอกไม้ขนาดยักษ์
ขึ้นบันไดเลื่อนที่มีความยาว 140 เมตรไปยังเนินเขา และทางเดินที่จะพาคุณไปยังอาคารต่างๆ ที่เต็มไปด้วยนกนานาชนิด ในห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง เราได้พบกับนกช้อนหอยหงอนสีส้มสด (Japanese crested ibis) เดินเล่นอยู่ท่ามกลางฝูงเป็ดและนกฟลามิงโก้ นกตัวจิ๋วเหล่านี้จะคอยมองนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ และหวังจะให้เราซื้ออาหารมาป้อนพวกมัน ในบริเวณอื่นของสวนก็สามารถซื้อองุ่นถ้วยเล็กๆ เพื่อป้อนนกทูแคนและนกทูราโค่สีเขียวมรกตบนแขนของคุณเอง อีกอาคารหนึ่งเป็นอาคารที่มีกรงนกหลายรูปแบบ มีไก่ฟ้าหลังขาว นกอินทรีทุ่งหญ้าสเตปป์ ฝูงนกเพนกวิน และนกเงือกที่มีจงอยปากขนาดใหญ่ ชื่อ Pakkun และยังเป็นมาสคอตของ Matsue Vogel Park อีกด้วย นกอีกหนึ่งชนิดที่มีชื่อเสียงก็คือนกกระสาปากพลั่วขนาดใหญ่ ที่ชื่อว่าเจ้า Fudo กรงของมันจะอยู่ที่มุมห้อง คอยมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่เรื่อยๆ
ที่ Matsue Vogel Park มีการจัดแสดงโชว์นกทุกวัน โดยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ รวมทั้งยังมีการเดินขบวนพาเรดของนกเพนกวิน (ผ่านอาคาร) หรือแม้แต่ในช่วงระหว่างวันก็สามารถชมนกกว่า 90 ชนิด (และสัตว์ที่ไม่ใช่นกอีกสองสามตัว) ในร่ม และร้านอาหาร ฉะนั้นจึงไม่ตัดเรื่องฝนตกหรือแดดออกไปได้เลย
Matsue Vogel Park (松江フォーゲルパーク)
52 Ogakicho, Matsue, Shimane
ค่าเข้าชม
นักท่องเที่ยวต่างชาติ: 1,050 เยน / เด็ก 530 เยน
บุคคลทั่วไป: ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / เด็ก 750 เยน
เวลาเปิดปิด
เมษายน – กันยายน: 9:00 – 17:30
ตุลาคม – มีนาคม: 9:00 – 17:00
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)
พระอาทิตย์ตก ณ ทะเลสาบชินจิ
แวะจุดสุดท้ายก่อนที่จะได้เวลาคืนจักรยานในตอนเย็น เพลิดเพลินกับบรรยากาศของพระอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆลาลับขอบฟ้า เหนือทะเลสาบชินจิ บริเวณรอบทะเลสาบมีจุดให้ชมพระอาทิตย์ตกดินอยู่หลายแห่ง แต่จุดที่สะดวกที่สุดก็คือ Sunset Spot Terrace ที่ซึ่งสามารถนั่งบนขั้นบันไดที่ทอดไปตามน้ำ และชมพระอาทิตย์ตกข้างๆเกาะโยเมกะ
Lake Shinji Sunset Spot Terrace (宍道湖夕日)
5 Sodeshicho, Matsue, Shimane
อาหารท้องถิ่นที่ Waraku
สำหรับเมนูเด็ดที่ทะเลสาบชินจิ และนากาอุมิ ต้องเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นตามแบบท้องถิ่น ร้าน Waraku โดยเดินจากสถานี Matsue เพียง 5 นาที ร้าน Waraku เสริฟอาหารที่มีรสชาติกลมกล่อม เต็มไปด้วยรสอูมามิที่ได้มาจากวัตถุดิบและส่วนผสมแบบดั้งเดิม สำหรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นนั้นจะตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษกับเมนูหอยน้ำจืด ที่จับขึ้นมาสดๆจากทะเลสาบชินจิ ส่วนวิธีการที่จะได้ชิมอาหารระดับไฮเอนด์และวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยที่สบายกระเป๋าหน่อย เราแนะนำให้ลองเป็นมื้อกลางวันกับเมนู "Seven Treasures of Lake Shinji Bamboo Steamer" ในราคา 3,000 เยน บวกภาษี
Waraku (和らく)
565 Otesenbacho, Matsue, Shimane
เวลาเปิดปิด: มื้อกลางวัน 11:30 – 15:00 / มื้อเย็น 17:30 – 23:00
Official Website (jp)
ศาลเจ้ามิโฮะและถนนอาโออิชิดาตามิ (Miho Shrine & Aoishi-datami Road)
ศาลเจ้ามิโฮะเป็นศาลเจ้าเล็กๆ อันเงียบสงบ ที่มีอ่าวเล็กๆของทะเลญี่ปุ่นอยู่ฝั่งตรงกันข้าม และยังตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านชาวประมง ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้อุทิศให้กับเทพเอบิสุ เทพที่นิยมบูชากันในหมู่ชาวประมง องค์เทพจะถือคันเบ็ด และปลาจาน โดยเชื่อว่าจะให้โชคแก่ชาวประมงญี่ปุ่น นอกจากนี้ศาลเจ้ามิโฮะยังเป็นสาขาใหญ่ของศาลเจ้าเอบิสุ ที่มีสาขาทั้งหมด 3,000 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น
แม้ว่าสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์อย่างศาลเจ้าจะเป็นโครงสร้างไม้ที่มีอายุกว่า 200 ปี แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวมองเห็นความสวยงามของน้ำที่ส่องแสงระยิบระยับหนือประตูศาลเจ้า ศาลเจ้ามิโฮะยังเป็นบ้านของเทพที่เกี่ยวข้องกับดนตรีและการเต้นรำ ฉะนั้นแล้วผู้ที่รักเสียงเพลงไม่ควรพลาดคอลเล็กชั่นเครื่องดนตรีญี่ปุ่นจากศาลเจ้ามิโฮะ รวมทั้งการตีกลองไทโกะขนาดใหญ่ในระหว่างพิธีกรรมในแต่ละวันด้วย
หากวิ่งตรงขึ้นไปในแนวตั้งฉากกับศาลเจ้าก็จะพบกับถนนอาโออิชิดาตามิ (Aoishi-datami Road) ตรอกเล็กๆ ที่ดูเหมือนฉากภาพยนตร์สมัยก่อน ถนนแห่งนี้มีทั้งอาคารเก่าแก่และอาคารสมัยใหม่ เหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อน (หรือสวมชุดกิโมโนถ่ายรูปเล่น)! ที่มาของชื่อถนนนั้นมาจากทางเท้าหินที่ทำมาจากหินสีเทาเรียบ ที่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินในวันฝนตก
ศาลเจ้ามิโฮะ และถนนอาโออิชิดาตามิ (Miho Shrine & Aoishi-datami Road (美保神社 & 青石畳通り)
608 Mihonosekicho Mihonoseki, Matsue, Shimane
Official Website (jp)
สะพานรถไฟเหาะ (เอชิมะโอฮาชิ, Eshima Ohashi)
บริเวณนากาอุมิ ในเมืองมัตสึเอะนั้น สามารถเดินทางไปยังหมู่เกาะต่างๆ และเมืองซาไกมินาโตะ จังหวัดทตโทริได้ แต่ก่อนที่จะข้ามน้ำไป อาจจะต้องพบกับสะพานรถไฟเหาะสุดหวาดเสียวแห่งนี้ก่อน จริงๆแล้วสะพานแห่งนี้มีชื่อว่า สะพานเอชิมะโอฮาชิ (Eshima Ohashi Bridge, 江島大橋) สะพานที่ใครหลายคนอาจได้เห็นตามอินเตอร์เน็ตว่าเป็นสะพานที่สูงชัน น่าหวาดเสียว ราวกับเป็นรถไฟเหาะ
แต่ในความเป็นจริงแล้วสะพานมีความลาดเอียงเพียงเล็กน้อย ไม่ได้สูงชันผิดปกติอะไร สามารถขับรถข้ามสะพานได้ตามปกติ แต่ห่างออกไป 3 กิโลเมตร จะมีจุดที่สามารถถ่ายรูปออกมาได้อย่างน่าทึ่ง เราแนะนำว่าอย่าลืมพกเลนส์ซูมดีๆไปด้วย
Eshima Ohashi Bridge (江島大橋)
Between Matsue, Shimane Prefecture and Sakaiminato, Tottori Prefecture
(จุดถ่ายภาพที่ Japankuru ชอบ.)
สวนยูชิเอ็น (Yuushien Garden)
บนเกาะเดียวกัน ในใจกลางของนากาอุมิ นอกจากจะมีสะพานรถไฟเหาะแล้ว ยังมีสวนยูชิเอ็น สวนญี่ปุ่นที่มีขนาด 40,000 ตารางเมตร รอบล้อมด้วยสระน้ำ มีพื้นที่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหลายๆแห่งในอิซูโมะ ยูชิเอ็นดังเรื่องดอกโบตั๋นเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการปลูกแบบในร่มตลอดทั้งปี และยังมีการนำดอกโบตั๋นไปลอยน้ำในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวมากมาย สำหรับฤดูกาลอื่นๆ ก็มีเอกลักษณ์ที่สวยงามและแตกต่างกันออกไป เช่นในฤดูร้อน จะมีละอองหมอกเพิ่มความลึกลับให้กับสวนและต้นไม้สีเขียว ในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะเปลี่ยนสีไปเป็นสีเหลืองและส้ม และในฤดูหนาวจะมีการประดับด้วยไฟหลากสี เป็นอีกประสบการณ์ในการท่องเที่ยวในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดิน การท่องเที่ยวในสวนจะจบลงที่คาเฟ่ที่มีบริเวณกว้างขวาง สามารถมองเห็นวิวของสระน้ำ เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนหลังจากเดินเล่น
สวนยูชิเอ็น (Yuushien Garden (由志園)
1260-2 Yatsukacho Hanyu, Matsue, Shimane
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 800 เยน / เด็ก 400 เยน
เวลาเปิดปิด: 9:00 – 17:00
*เวลาและราคาค่าเข้าชมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)
เมืองซาไกมินาโตะ จังหวัดทตโทริ – โลกแห่งคลื่น
ซูชิหมุนไทเรียวมารุ (Tairyoumaru Conveyor Belt Sushi)
เมื่อข้ามสะพานไปยังจังหวัดทตโทริ ก็จะพบกับเมืองซาไกมินาโตะ เมืองเล็กๆที่โอบล้อมด้วยทะเลญี่ปุ่นและทะเลนากาอุมิ เมืองที่เคยเป็นท่าเรือในอดีต สำหรับแฟนมังงะคลาสสิคจะเดินทางไปยังซาไกมินาโตะเพื่อท่องเที่ยวยังถนนมิซุกิ ชิเงรุ ถนนที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักเขียนเรื่องผีน้อยคิทาโร่ (Gegege no Kitaro) นอกจากนี้เมืองแห่งนี้ยังล้อมรอบด้วยน้ำสามด้าน ทำให้ไม่มีจุดใดในซาไกมินาโตะห่างจากแหล่งน้ำไม่ว่าจะเป็นทะเล แม่น้ำ หรือทะเลสาบ เกิน 2 กิโลเมตรเลย จึงเหมาะแก่การพักผ่อน สัมผัสชีวิตชาวประมง ชิมอาหารทะเลที่เพิ่งจำมาได้แบบสดๆ กับเมนูซูชิหมุน!
ร้าน Tairyoumaru เป็นร้านซูชิหมุนท้องถิ่นที่มีสองสาขา เสริฟซูชิที่ทำจากปลาสดที่ได้มาจากท่าเรือ เช่น โทโร่ และโนโดกุโร่ พร้อมกับข้าวที่ปลูกในท้องถิ่น สิ่งที่สนุกที่สุดในการกินซูชิแบบนี้คือ การเลือกจานที่ดูน่ากินที่สุด แต่ถ้าหากมีหน้าซูชิที่อยากกินอยู่ในใจแล้วละก็ สามารถกดสั่งได้จากแทปเล็ตที่อยู่บนโต๊ะ ซึ่งมีหลายภาษาให้เลือกทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ภาษาจีน ภาษาฝรั่งเศส หรือแม้แต่ภาษารัสเซียก็มี! จากนั้นก็รอไม่นานซูชิที่เลือกไว้ก็จะมาเสริฟตรงหน้าคุณ!
Tairyoumaru Sakaiminato Shop (大漁丸 境港店)
280-1 Takenouchidanchi, Sakaiminato, Tottori
เวลาเปิดปิด: 11:00 – 21:00
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
พิพิธภัณฑ์แห่งทะเลและชีวิต
หากอยากรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตชนิดไหนบ้างที่อยู่ลึกลงไปในทะเลของแถบชายฝั่งซันอิน (ก่อนที่มันจะตกถึงท้องเรา) พิพิธภัณฑ์แห่งทะเลและชีวิต (Museum of Sea and Life) ในซาไกมินาโตะแห่งนี้มีคำตอบให้ พิพิธภัณฑ์สร้างขึ้นในอาคารโรงกลั่นสาเกที่สร้างขึ้นในสมัยเมจิ (1868-1912) นำเสนอเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลและการจับปลา และตัวอย่างสัตว์น้ำกว่า 4,000 ตัวอย่าง 700 สายพันธุ์ ทั้งปลา ครัสเตเชียน (สัตว์จำพวกกุ้ง) และสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลทุกชนิด เนื่องจากปลานั้นขึ้นชื่อว่านำมาสตั๊ฟฟ์ยาก แต่ปลาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสตัฟฟ์ด้วยฝีมือของ Masayuki Tane ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาความสวยงามและความมีชีวิตชีวาของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล
สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพิพิธภัณฑ์และเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆก็คือ ฉลามขาว ชื่อ โฮจิโร่ ปลาแสงอาทิตย์ที่มีขนาด 275 เซนติเมตร ขนาดของมันใหญ่เกินกว่าที่จะจินตนาการได้ และปลาออร์ฟิชสีเงิน ปลาที่ทำให้คนในสมัยโบราณเชื่อเรื่องพญานาคทะเลและสัตว์ประหลาดที่อยู่ในท้องทะเลลึก นอกจากนี้ปลาตัวเล็กๆสีสันสดใส ก็น่าดูไม่แพ้กัน มีอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยปลาปลาปักเป้าตัวขนาดเท่าฝ่ามือ เป็นจุดที่คนนิยมถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะได้ราคาค่าเข้าชมพิเศษเพียง 100 เยน หากมีโอกาสเดินทางไปที่ซาไกมินาโตะที่นี่เป็นอีกจุดหนี่งที่ไม่ควรพลาด
Museum of Sea and Life (海とくらしの史料館)
8-1 Hanamachi, Sakaiminato, Tottori
ค่าเข้าชม:
ชาวต่างชาติ: 100 เยน
บุคคลทั่วไป: ผู้ใหญ่ 410 เยน / เด็ก 100 เยน
เวลาเปิดปิด: 9:30 – 17:00
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
เมืองโยนาโกะ จังหวัดทตโทริ และภูเขาไดเซ็น
ภูเขาไดเซ็น แห่งที่ราบสูงมาซุมิสึ
ขยับจากทะเลของเมืองซาไกมินาโตะมายังเมืองโยนาโกะที่อยู่ใกล้ๆกัน ด้วยการขึ้นไปยังภูเขาชื่อดังของจังหวัดทตโทริ ยอดภูเขาไฟไดเซ็นนั้นมีความสูงที่สุดในภูมิภาค และถัดลงมาอีกไม่ไกลในบริเวณที่ราบสูงมาซุมิสึ (มาซุมิสึโคเก็น, Masumizu Kogen) เป็นที่ราบสูงที่มีทุ่งหญ้าสีเขียวขจี คล้ายกับฤดูร้อนในเทือกเขาแอลป์ บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยวัวพันธุ์โฮลสไตน์ และแพะที่กำลังแทะเล็มหญ้าอย่างมีความสุข
ตามตำนานท้องถิ่นเล่าว่า ย้อนกลับไปเมื่อในสมัยที่ภูมิภาคนี้มีชื่อว่าจังหวัดโฮกิ มีหญิงสาวตกหลุมรักกับชาวประมงที่มาจากเกาะโอกิ ในทะเลเหนือขึ้นไปในทะเลญี่ปุ่น คู่สามีภรรยาคู่นี้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปด้วยกัน รวมทั้งระยะทางที่ห่างไกลของบ้านทั้งสอง แม้จะมีเสียงคัดค้านจากพ่อแม่ก็ตาม ในตอนนี้หากมองจากภูเขาไดเซ็นไปยังเกาะโอกิ ก็จะเห็นถึงพลังของความรักของทั้งคู่ที่ได้มาพบกันแม้อยู่ไกลกัน ในช่วงฤดูร้อนกระเช้า Tenku Lift ที่ที่ราบสูงมาซุมิสึ (โดยเฉพาะกระเช้าสีชมพูที่ตกแต่งด้วยหัวใจสีแดง) จะเป็นที่นิยมในหมู่คู่รัก รวมทั้งจุดชมวิวที่อยู่ด้านบนสุดที่เรียกว่า "Lover's Sanctuary"
ภูเขาไดเซ็น – ที่ราบสูงมาซุมิสึ และกระเช้า Tenku Lift (Mount Daisen: Masumizu Highland & Tenku Lift (大山の桝水高原・天空リフト)
Masumizukogen-1069-50 Ouchi, Hoki, Saihaku District, Tottori
กระเช้า: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน / เด็ก 700 เยน
เวลาเปิดปิด: 9:00 – 17:00 (ช่วงอีเวนท์ Romantic Night เปิดถึง 20:00)
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ)
ราเมงซุปกระดูกเนื้อวัวกิวคตสึ ร้าน Menya Muso
จากวัวที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ทำให้ราเมงท้องถิ่นของโยนาโกะเป็นราเมงที่ทำจากเนื้อวัว โดยอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ กิวคตสึราเมง (牛骨ラーメン) ราเมงที่ใช้กระดูกวัวในกาทำน้ำซุปให้มีรสชาติเข้มข้น ซึ่งร้านดังที่ไม่ควรพลาดก็คือ Menya Muso (麺屋無双) ที่อยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ในแง่ของการนำเสนอนั้น ยังคงความคลาสสิกของราเมงเอาไว้ มีท๊อปปิ้งแบบดั้งเดิม เช่น สาหร่าย หน่อไม้เม็มมะ และหมูชาชู เมื่อได้ถามเชฟก็ได้คำตอบว่า เขาต้องอยากให้ราเมงของ Muso มีหน้าตาเหมือนกับราเมงตามความทรงจำในวัยเด็กของเขา และมีรสชาติที่ดีกว่าราเมงธรรมดาๆที่อยู่ในความทรงจำ ร้าน Muso ใช้กระดูกและเอ็นของวัว เพื่อเพิ่มรสอูมามิให้กับน้ำซุป ใช้เวลาเคี่ยวนานเพื่อดึงรสชาติ โดยไม่ทำลายเนื้อกระดูก ทำให้ได้น้ำซุปที่ใส บางเบา แต่ได้รสชาติของเนื้อวัว ที่เข้ากันได้ดีกับเส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่ม
Menya Muso (麵屋無双)
6-3-3 Shinkai, Yonago, Tottori
เวลาเปิดปิด: 11:00 – 15:00 / 17:00 – 22:00
Official Facebook Page
Kaike Onsen ที่ Yugetsu Ryokan
บริเวณริมทะเลนอกจากจะมีร้าน Menya Muso ที่เป็นที่รู้จักแล้ว ออนเซ็นก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ดังไม่แพ้กัน ออนเซ็นที่นี่มีชื่อว่า Kaike Onsen เป็นออนเซ็นที่นิยม เพราะมีน้ำผุดขึ้นมาที่บริเวณชายหาดเลย ที่เรียวกัง Yugetsu Ryokan มีบริการให้แช่ออนเซ็นแบบทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ที่สามารถมองเห็นวิวของทะเลได้ด้วย เป็นออนเซ็นแบบ infinity pool ที่เพิ่มความหรูหราให้กับการแช่ออนเซ็น
น้ำพุร้อนธรรมชาติที่ Kaike Onsen นั้นร้อนเป็นพิเศษ และอุดมไปด้วยโซเดียมและแคลเซียม ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาอาการปวดแล้ว ยังดีต่อผิวพรรณอีกด้วย ไม่ว่าจะลงแช่ในตอนเช้า ให้ผิวดูสว่างสดใส ก่อนที่จะลงไปเดินเล่นที่ชายหาด หรือจะแช่ตอนกลางคืน ผ่อนคลายความเมื่อยล้าหลังจากเล่นเซิร์ฟมาทั้งวัน Kaike Onsen จึงเป็นจุดแวะสุดท้ายของการเที่ยวในภูมิภาคซันอิน ให้คุณได้รีแลกซ์หลังจากเที่ยวมาแบบสุดเหวี่ยง
Yugetsu (游月)
3-11-1 Kaikeonsen, Yonago, Tottori
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
ท่องเที่ยวในภูมิภาคซันอิน
อาหารอร่อย วิวธรรมชาติ สัมผัสกับวัฒนธรรมที่แปลกใหม่ ประเพณีญี่ปุ่นโบราณ และอีกหลากหลายกิจกรรม ภูมิภาคซันอินยังมีอะไรอีกมากมายให้เราได้ค้นหา แล้วคุณหละจะเริ่มจากที่ไหนก่อน! ศาลเจ้าชื่อดังจากอิซูโมะ การย้อมผ้าไอโซเมะ การแสดงยาสุงิบูชิในยาสุงิ นกหลากสีสันและสะพานรถไฟเหาะในมัตสึเอะ สัตว์น้ำจากทะเลลึกในซาไกมินาโตะ หรือที่ราบสูงไดเซ็นและออนเซ็นริมทะเลในโยนาโกะ สถานที่ท่องเที่ยวมากมายขนาดนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว!
Details
COMMENT
FEATURED MEDIA
VIEW MORETokyo Shopping Spot Recommendation: New Balance Kichijoji #newbalance #newbalancekichijoji #newbalancejapan #japanesesneakerheads #shoppinginjapan #japantrip #도쿄여행 #도쿄쇼핑 #뉴발란스 #일본한정 #일본패션 #日本購物 #日本買衣服 #NB #日本時尚 #東京購物 #รองเท้าnewbalance #นิวบาลานซ์ #รองเท้าผ้าใบ #ช้อปปิ้ง #คิจิโจจิ #japankuru
See Kyoto Clearly With Your New Glasses #japankuru #kyoto #jins #교토여행 #진즈 #京都 #교토수족관 #가모가와 #kamogawa #kyotoaquarium
The First Japanese Converse Flagship: CONVERSE STORE HARAJUKU #japankkuru #conversejp_pr #conversejapan #harajuku #tokyotrip #converse #tokyoshopping #匡威 #帆布鞋 #東京購物 #原宿 #日本時尚 #일본쇼핑 #일본컨버스 #일본한정 #하라주쿠 #일본패션 #일본스트릿 #รองเท้าconverse #รองเท้าผ้าใบ #ช้อปปิ้ง #ฮาราจูกุ #คอนเวิร์ส
Japanese Makeup Shopping • A Trip to Kamakura & Enoshima With Canmake’s Cool-Toned Summer Makeup #pr #canmake #enoshima #enoden #에노시마 #캔메이크 #japanesemakeup #japanesecosmetics
⚔️The Robot Restaurant is gone, but the Samurai Restaurant is here to take its place. Check it out, and don't forget your coupon! 🍣신주쿠의 명소 로봇 레스토랑이 사무라이 레스토랑으로 부활! 절찬 쿠폰 발급중 💃18歲以上才能入場的歌舞秀,和你想的不一樣!拿好優惠券去看看~ #tokyo #shinjuku #samurairestaurant #robotrestaurant #tokyotrip #도쿄여행 #신주쿠 #사무라이레스토랑 #이색체험 #할인이벤트 #歌舞伎町 #東京景點 #武士餐廳 #日本表演 #日本文化體驗 #japankuru #japantrip #japantravel #japanlovers #japan_of_insta
Japanese appliance & electronics shopping with our KOJIMA x BicCamera coupon! 用JAPANKURU的KOJIMA x BicCamera優惠券買這些正好❤️ 코지마 x 빅 카메라 쿠폰으로 일본 가전 제품 쇼핑하기 #pr #japankuru #japanshopping #kojima #biccamera #japaneseskincare #yaman #dji #osmopocket3 #skincaredevice #日本購物 #美容儀 #相機 #雅萌 #日本家電 #일본여행 #면세 #여행꿀팁 #일본쇼핑리스트 #쿠폰 #일본쇼핑 #일본브랜드 #할인 #코지마 #빅카메라 #japankurucoupon
Odaiba's DiverCity Tokyo Plaza is home to the famous real-size 20m-tall Unicorn Gundam, and the popular shopping center has even more Gundam on the inside! Check out the Gundam Base Tokyo on the 7th floor for shelves upon shelves of Gunpla, and the Gundam Base Tokyo Annex on the 2nd floor for cool anime merchandise. Both shops have tons of limited-edition items! #pr #odaiba #tokyo #tokyotrip #japantrip #japantravel #PR #divercity #divercitytokyoplaza #tokyoshopping #gundam #unicorngundam #gundambasetokyo #anime #otaku #gunpla #japankuru #오다이바 #다이바시티도쿄 #오다이바건담 #건담 #일본건담 #건프라 #건담베이스도쿄