ตอนที่ 2 กับบทความเรื่องราวของ “ฮาจิโกะสุนัขยอดกตัญญู” ที่เล่าไม่หมดในบทความเดียว

เรื่องราวของฮาจิโกะมีอะไรน่าสนใจมากมายจนต้องแยกมาเป็นตอนที่ 2 ครั้งนี้จะเป็นเรื่องราวแบบไหน ไปดูกันเลย

6.รูปปั้นที่อยู่หน้าสถานีรถไฟชิบูย่ามี 2 เวอร์ชั่น

รูปปั้นฮาจิโกะถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1934 และตัวฮาจิโกะเองก็ได้เข้าร่วมในพิธีเปิดตัวด้วย ทว่าในปี 1944 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีคำสั่งรวบรวมโลหะจากทั่วประเทศเพื่อนำไปใช้ในการสงคราม ซึ่งก็รวมไปถึงรูปปั้นของฮาจิโกะด้วย (แถมปีต่อมารูปปั้นที่จังหวัดอาคิตะก็โดนเก็บไปหลอมด้วยเช่นกันก่อนจะมีการสร้างขึ้นทดแทนใหม่ในปี 1987)

หลังสงครามมหาเอเชียบูรพาจบลงในปี 1945 ได้มีเสียงเรียกร้องให้สร้างรูปปั้นฮาจิโกะที่ชิบูย่าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แล้วในปี 1948 รูปปั้นฮาจิโกะก็ได้ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งโดยฝีมือของลูกชายของช่างที่ทำรูปปั้นอันแรก 

7.ก่อนจะเป็นที่รักก็เคยถูกเกลียดมาก่อน

ในช่วงแรก ๆ คนส่วนใหญ่มองฮาจิโกะว่าเป็นหมาจรจัด มีทั้งคนที่มารังแก บางคนก็ถึงขั้นเตะหรือไล่ให้พ้นทาง จนกระทั่งในปี 1932 มีนักข่าวได้ลงตีพิมพ์บทความเล่าเรื่องราวความเป็นมาอันน่าประทับใจของฮาจิโกะที่มีต่อเจ้านายลงในหนังสือพิมพ์ ทำให้สายตาที่ทุกคนมีต่อฮาจิโกะเปลี่ยนไป

จากหมาจรจัดมอมแมมตัวใหญ่กลายเป็นฮาจิโกะยอดสุนัขผู้ซื่อสัตย์ จนถึงขนาดมีเสียงเรียกร้องให้สร้างรูปปั้นขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่ฮาจิโกะยังมีชีวิตอยู่เลยทีเดียว  เล่ากันว่าหลังรูปปั้นเสร็จฮาจิโกะก็จะมาคอยเจ้านายอยู่ที่ข้าง ๆ รูปปั้นของตัวเองอีกที

8.เป็นเซเลบก็ลำบากหน่อย ๆ

เล่ากันว่าหลังจากเรื่องราวของฮาจิโกะถูกเผยแพร่ลงในหนังสือพิมพ์ก็ทำให้เกิดเป็นกระแสฮาจิโกะบูม ที่หน้าสถานีชิบูย่ามีการขายอาหารและสินค้าที่เป็นชื่อหรือเกี่ยวกับฮาจิโกะอย่างครึกครื้น แถมยังเล่ากันว่ามีเด็กเข้าคิวต่อแถวกันยาวเหยียดเพื่อรอลูบหัวฮาจิโกะอีกต่างหาก

9.และแล้วฮาจิโกะก็ได้ไปอยู่เคียงข้างเจ้านายอันเป็นที่รักอีกครั้ง

หลังจากเสียชีวิตลง ร่างของฮาจิโกะก็ถูกนำไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชึวิตและถูกสตัฟฟ์ร่างเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (国立科学博物館) ใกล้สวนอุเอโนะ

จากนั้นได้มีการสร้างสุสานของฮาจิโกะไว้ใกล้กับสุสานของตระกูลอุโอโนะซึ่งตั้งอยู่ภายในสุสาน Aoyama (東京都青山霊園)

สุสานของฮาจิโกะมีลักษณะเป็นเหมือนบ้านหมาเล็ก ๆ ทำจากหินตั้งอยู่เคียงข้างกับสุสานของศ.อุเอโนะผู้เป็นนาย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่แฟน ๆ ของฮาจิโกะจากทั่วโลกมักจะมาเยียมเยือนพร้อมวางดอกไม้หรือนกกระเรียนพับไว้ให้

10.อีกทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุผลที่ฮาจิโกะไปสถานีชิบูย่าทุกวัน

หัวข้อนี้ออกจะทำลายความฝันและภาพจำที่สวยงามอยู่สักหน่อย แต่ก็เป็นอีกหนึ่งมุมที่อาจจะช่วยบรรเทาความโศกเศร้าที่มีต่อความเดียวดายของฮาจิโกะลงได้บ้างก็ได้ เป็นเรื่องราวขำ ๆ จากคุณตาคุณยายที่เคยเห็นฮาจิโกะตัวเป็น ๆ แถวสถานีชิบูย่า 

ปัจจุบันชิบูย่ามีภาพลักษณ์เป็นใจกลางเมืองที่ทันสมัยและพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว แต่ในสมัยที่ฮาจิโกะยังมีชึวิตอยู่นั่น แถว ๆ หน้าสถานีเป็นแค่ลานที่มีแผงขายไก่ย่างเรียงรายเต็มไปหมด ซึ่งก็มีหลายคน ๆ แบ่งไก่หรือไม่ก็โยนไก่แข็ง ๆ (ที่ตัวเองไม่อยากกิน) ให้ฮาจิโกะ ทำให้คุณตาคุณยายหลายคนเล่าแบบขำ ๆ ว่าฮาจิโกะอาจจะมาที่หน้าสถานีเพื่อมาหาไก่กินก็ได้ (อ้าว) 

จบกันไปแล้วกับ 10 เรื่องเล่าเกี่ยวกับฮาจิโกะ และอย่างที่ได้บอกไปในบทความตอนที่ 1 ว่าเดือนพฤศจิกายนปีนี้เป็นวันครบรอบ 100 ปีวันเกิดฮาจิโกะ จึงได้มีการจัดโปรเจ็คที่ชื่อว่า HACHI100 Project ขึ้นมา มีทั้งการจัดงานอีเว้นท์ การจำหน่ายสินค้าที่ระลึก คลิปวิดีโอเล่าเรื่องของฮาจิโกะ และอื่น ๆ อีกมากมาย 

หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าขาหน้าของรูปปั้นทั้ง 2 ข้างจะค่อนข้างวาวและมีสีแตกต่างจากส่วนอื่น เป็นหลักฐานอย่างดีที่แสดงถึงความป๊อปปูลาร์ของรูปปั้นฮาจิโกะ เพราะเกิดจากการสัมผัสของคนที่มายืนรอคนหรือมาถ่ายรูปใกล้ ๆ รูปปั้นนั่นเอง หากมีโอกาสได้นัดเจอใครที่หน้ารูปปั้นฮาจิโกะก็อย่าลืมแชร์เรื่องราวของฮาจิโกะหมาที่โด่งดังไปทั่วโลกตัวนี้ให้ฟังกันนะคะ

ติดตามเรื่องราว ข้อมูล และข่าวสารส่งตรงจากญี่ปุ่นกับ Japankuru ได้ทาง X (Twitter) และ Facebook!