พาเที่ยว Ghibli Park & Ghibli’s Grand Warehouse

  • X
  • line

พาชมจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของสาวกจิบลิ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกอนิเมชั่นจากสตูดิโอจิบลิที่ทุกคนต่างหลงรัก ไม่ว่าจะเป็น My Neighbor Totoro, Spirited Away และอื่น ๆ อีกมากมาย

Ghibli Park



ตั้งแต่วินาทีที่ข่าวเรื่อง Ghibli Park ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในปี 2019 เหล่าแฟนคลับของสตูดิโอจิบลิต่างก็เฝ้ารอการเปิดตัวของสถานที่ท่องเที่ยวใหม่แห่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าจะมีความวุ่นวายจากโรคระบาด แต่โชคดีสำหรับแฟน ๆ ทั่วโลกที่การก่อสร้างยังคงเป็นไปตามแผน และแล้วในที่สุด Ghibli Park ก็เปิดตามกำหนดในปลายปี 2022
หลังจากที่พรมแดนของประเทศญี่ปุ่นเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั๋ว Ghibli Park เปิดให้สามารถซื้อออนไลน์ได้จากทั่วโลก ก็เป็นโอกาสอันดีที่แฟน ๆ จิบลิจะเดินทางมายังจังหวัดไอจิ เพื่อไปทักทายโทโทโร่และผีไร้หน้าอย่างใกล้ชิด!

Ghibli Park (ジブリパーク)
Expo 2005 Aichi Commemorative Park (Moricoro Park), Ibaragabasama-otsu 1533-1, Nagakute, Aichi

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
Official Website (jp)
Official Website (eng)

การซื้อตั๋วและค่าเข้า Ghibli Park



เหมือนกับจุดท่องเที่ยวอีกหลายแห่งในญี่ปุ่น ที่ Ghibli Park เองก็มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมและไม่มีการจำหน่ายตั๋วที่หน้างาน ต้องจองตั๋วล่วงหน้าจากตู้ Loppi ใน LAWSON ทั่วประเทศญี่ปุ่นหรือผ่านทางเว็บไซต์ โดยตั๋วจะเปิดให้จองในวันที่ 10 ของทุกเดือน และสามารถเลือกวันล่วงหน้าได้ประมาณ 3 เดือน
แนะนำให้รีบจองตั้งแต่วันแรกเพราะตั๋วเต็มเร็วมากแม้แต่รอบวันธรรมดา โดยในครั้งนี้ทางทีมงานซื้อตั๋วล่วงหน้าเพียงหนึ่งเดือน ปรากฏว่าโซน Hill of Youth และ Dondoko Forest เต็มหมดแล้ว จึงจองได้เฉพาะโซน Grand Warehouse แต่หลังจากไปก็มาแล้วก็พบว่าแค่โซนนี้โซนเดียวก็เพียงพอแล้วกับการเดินเที่ยวตลอดหนึ่งวัน

เว็บไซต์ซื้อตั๋ว
▷ลิงก์จองตั๋วสำหรับผู้ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น
▷ลิงก์จองตั๋วสำหรับผู้ที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น

เวลาเปิดให้บริการของ Ghibli Park 
วันธรรมดา:
10.00 – 17.00 น.
วันเสาร์ – อาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์ของญี่ปุ่น, ช่วงปิดเทอม:
9.00 – 17.00 น.

**ปิดให้บริการทุกวันอังคาร**
**หากวันอังคารตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเลื่อนวันหยุดไปเป็นวันธรรมดาวันถัดไปแทน** 
**มีการเปิดให้บริการบางวันอังคารในช่วงวันหยุดปิดเทอม** 
**อาจปิดให้บริการในช่วงปีใหม่และช่วงซ่อมบำรุงตามตาราง** 
สามารถเช็คตารางการเปิดให้บริการตามลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ
https://ghibli-park.jp/en/calendar/

ค่าเข้าชมในส่วนของ Ghibli's Grand Warehouse
วันธรรมดา:
ผู้ใหญ่ 2,000 เยน           
เด็ก (4 – 12 ปี) 1,000 เยน (ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี)

วันเสาร์ – อาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์:
ผู้ใหญ่ 2,500 เยน           
เด็ก (4 – 12 ปี) 1,250 เยน (ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี)

รอบการเข้าชม: 12:00/14:00

สำหรับจุดจัดแสดงอีก 2 ส่วนที่ทางทีมงานไม่ได้ไปในครั้งนี้คือ Hill of Youth และ Dondoko Forest มีค่าเข้าและรอบการเข้าชมตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ (ตั๋ว 1 ใบ/1 สถานที่)
ผู้ใหญ่ 1,000 เยน           
เด็ก (4 – 12 ปี) 500 เยน (ฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี)

รอบการเข้าชม: 11:00/15:00

สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมผ่านทาง call center +81 50 3626 2455  ซึ่งรองรับภาษาต่าง ๆ มากมายรวมทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (แต่อาจจะต้องระวังเพราะในเรื่องค่าโทรศัพท์ข้ามประเทศ) หรือสอบถามเกี่ยวกับการซื้อตั๋วได้ทางอีเมล์ ghiblipark-en@ent.lawson.co.jp



การเดินทางจากโตเกียว
แม้ว่า Ghibli Park จะตั้งอยู่ในจังหวัดไอจิซี่งอยู่ห่างจากโตเกียวพอสมควร แต่การเดินทางกลับสะดวกกว่าที่คิด สามารถเดินทางมาจากโตเกียวได้ง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน!

① นั่งรถไฟชินคันเซนจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีนาโกย่า  
(ทีมงานเดินทางมาด้วยรถไฟเที่ยวที่ถึงนาโกย่าตอน 9.30 น. เพื่อเข้าชมส่วนจัดแสดงรอบ 11 โมงเช้า)
② ออกเดินทางจากสถานีนาโกย่าไปสถานีฟุจิกาโอกะ (Fujigaoka Station) ด้วยรถไฟใต้ดินสายฮิกาชิยามะ (Higashiyama subway)
③ออกเดินทางจากสถานีฟุจิกาโอกะไปยังสถานี Ai-Chikyuhaku-Kinen-Koen ด้วยรถไฟลินิโม (Linimo รถไฟที่ลอยตัวเหนือรางด้วยพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขบวนเดียวในญี่ปุ่น!)

มีรถไฟชินคันเซนที่วิ่งจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีนาโกย่าหลายรอบในหนึ่งชั่วโมง จึงง่ายสำหรับการวางแผนการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มี JR Pass  

เข้าสู่ Ghibli Park



Ghibli Park ตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนหนึ่งของ Expo 2005 Aichi Commemorative Park เมื่อเดินมาถึงทางเข้าเราก็พบกับหอคอยลิฟต์สไตล์สตีมพังค์ซึ่งเป็นเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่สวนสาธารณะธรรมดาทั่ว ๆ ไป รอบ ๆ ตัวลิฟต์ตกแต่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบเทพนิยายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่อง Howl's Moving Castle และเรื่อง Castle in the Sky ตัวหอคอยลิฟต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Hill of Youth ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าที่สุด เราโดยสารลิฟต์ลงไปยังพื้นที่หลักด้านล่าง จากนั้นจึงเดินต่ออีกไม่กี่นาทีเพื่อไปยัง Grand Warehouse อันเป็นจุดหมายหลักของเราในวันนี้  

Part① Minami-machi ・ Children’s Town ・ Cat Bus Room



เมื่อเข้ามาถึงส่วน Grand Warehouse ก็จะพบกับโซน Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes เป็นโซนแรก แต่ทางทีมงาน JAPANGURU เลือกที่จะเก็บส่วนนี้เอาไว้ท้ายสุดและเลือกเข้าไปเที่ยวชมจากส่วนจัดแสดงที่อยู่ด้านในสุดออกมา  
จุดแรกที่ทางทีมงานแวะชมคือ Minami-machi ซึ่งจำลองให้ดูคล้ายกับตรอกเล็ก ๆ ในเมืองสมัยโชวะ (ช่วงปี 1926 – 1989) ในโซนนี้มีร้านจำหน่ายสินค้าจิบลิที่หาซื้อได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ, ชุดโมเดล หรือขนมสไตล์ย้อนยุค บนผนังมีการตกแต่งด้วยโปสเตอร์ฉากจากภาพยนตร์อนิเมชั่น  



ถัดมาเป็นที่โซนที่เหล่าผู้ใหญ่ทำได้แค่ยืนอิจฉาเพราะเป็นโซนที่จำกัดให้เฉพาะสำหรับเด็กเท่านั้น โดยจุดนี้มีชื่อว่า Children's Town เป็นเมืองจำลองขนาดเล็กที่สามารถเข้าไปเดินสำรวจได้ และ Cat Bus Room เป็นจุดที่เด็ก ๆ สามารถปีนขึ้นไปเล่นบน Cat Bus ขนาดประมาณรถกอล์ฟซึ่งออกแบบในสไตล์ patchwork ที่ดูน่ารักอบอุ่น มีโซนโทโทโร่ที่ปูพื้นด้วยผ้ากำมะหยี่แสนสบาย! จุดที่น่าเจ็บใจอีกอย่างคือทั้ง 2 โซนนี้เป็นเขตห้ามถ่ายภาพ

Part② Garden in the Sky ・ The House Below and The Little People’s Garden ・ Director’s Room



ถัดมาจากโซน Children's Town จะพบกับโซน Garden in the Sky ซึ่งเป็นโซนเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของ warehouse จุดนี้จะได้พบกับหุ่นยนต์อันโด่งดังจากเรื่อง Laputa: Castle in the Sky ยืนสงบนิ่งอยู่ในซากปรักหักพังที่ปกคลุมด้วยเถาวัลย์ 



เดินถัดไปอีกเล็กน้อยจะพบกับ Director's Room ซึ่งไม่ได้หมายถึงห้องของผู้กำกับที่มีชื่อเสียงที่สุดของจิบลิอย่างฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) หรืออิซาโอะ ทาคาฮาตะ(Isao Takahata) ผู้กำกับสุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies) ผู้ล่วงลับ ที่นี่เป็นห้องจำลองฉากสำนักงานของยูบาบะจากเรื่อง Spirited Away ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการทำงานที่แสนยุ่งเหยิงวุ่นวายท่ามกลางเอกสารสัญญาที่ลอยอยู่เต็มห้อง! 

เมื่อย้อนกลับไปทางหุ่นยนต์และเดินลงบันไดไปก็จะพบกับโซน The House Below and The Little People's Garden



เข้าสู่โลกของคนตัวจิ๋วจากเรื่อง Arrietty ในโซนนี้เราจะถูกห้อมล้อมไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าที่สูงใหญ่ ปีนเข้าไปถ่ายภาพในโหลขนาดเท่าตัวคน แวะชมดอกแดนดิไลออนขนาดยักษ์ แอบมองเข้าไปในห้องของนักหยิบยืมและห้องของ Arrietty ที่มีดินสอและหมุดขนาดยักษ์!

เมื่อมาถึงจุดนี้ทำให้เห็นความแตกต่างของที่นี่กับ Ghibli Museum ในโตเกียวได้อย่างชัดเจน ที่ Ghibli’s Grand Warehouse หลายจุดสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดที่ให้ผู้เยี่ยมชมได้สนุกกับการเข้าไปถ่ายภาพราวกับได้เป็นส่วนหนึ่งของอนิเมชั่นเรื่องโปรด ส่วนที่ Ghibli Museum จะเน้นการชมรายละเอียดในส่วนจัดแสดง อีกทั้งสถานที่ส่วนใหญ่ยังเป็นเขตห้ามถ่ายภาพอีกด้วย

Part③ นิทรรศการพิเศษ Delicious! Animating Memorable Meals Expanded Edition และ Everything Ghibli!



จุดต่อไปที่เราแวะชมเป็นโซนห้ามถ่ายรูปอีกจุดหนึ่ง เป็นส่วนงานนิทรรศการ Delicious! Animating Memorable Meals Expanded Edition ซึ่งเป็นธีมเดียวกับที่เคยจัดแสดงGhibli Museum ในโตเกียวมาแล้ว แต่ที่นี่มันถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น! บนผนังถูกประดับเต็มพื้นที่ด้วยภาพร่างและแผ่นเซลลูลอยด์ (celluloid) อนิเมชั่น รวมภาพฉากมื้ออาหารจากภาพยนตร์อนิเมชั่นของจิบลิ ไม่ว่าจะเป็นข้าวปั้นที่ Haku ป้อนให้ Chihiro ใน Spirited Away ไปจนถึงแซนด์วิชเค้กไส้ถั่วแดงแสนหวานจาก The Wind Rises (風立ちぬ)

ห้องต่อมาเป็นห้องจำลองฉากห้องครัว, ห้องทานข้าว และร้านอาหารที่จำลองออกมาเป็นแบบ 3 มิติขนาดเท่าของจริง แม้จะไม่สามารถถ่ายภาพได้ แต่โซนนี้ก็น่าจะไขข้อสงสัยที่ว่าอาหารที่เปลี่ยนพ่อแม่ของจิฮิโระให้กลายเป็นหมูได้มันน่ากินขนาดไหน (น่าเสียดายที่กลิ่นอาจไม่เย้ายวนใจขนาดนั้น เพราะทำจากพลาสติก) 



ส่วนนิทรรศการต่อมาคือส่วน Everything Ghibli! ส่วนนี้สามารถถ่ายภาพได้ มีห้องจัดแสดงภาพโปสเตอร์ภาพยนตร์อนิเมชั่นของจากทั่วโลก อวดเสน่ห์ของภาพยนตร์อันเป็นที่รักในระดับนานาชาติ มี Cat Bus ขนาดใหญ่ที่ผู้ใหญ่สามารถขึ้นไปนั่งถ่ายรูปบนนั้นได้ เก้าอี้รูปโทโทโร่และ Cat Bus ที่นุ่มสบาย และที่พลาดไม่ได้คือบาร์ที่มีโทโทโร่ยืนปุกปุยอยู่หลังเคาท์เตอร์

Part④ Screening Room Cinema Orion・ Open Warehouse ・ Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes



ทีมงาน JAPANKURU เกรงว่าส่วนจัดแสดง Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes ซึ่งเป็นโซนยอดนิยมน่าจะแน่นขนัดไปด้วยแฟน ๆ ที่รอถ่ายรูป เราจึงเลือกที่จะไปในส่วนของ Screening Room Cinema Orion ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบันไดแต่งกระเบื้องโมเสคก่อน 

ภาพยนตร์สั้นที่ฉายที่ Cinema Orion เป็นเรื่องเดียวกับที่เคยฉายใน Ghibli Museum ในโตเกียว (ทั้ง 2 แห่งจะพลัดเปลี่ยนเรื่องที่ฉายเป็นระยะ ๆ โดยแต่ละเรื่องจะมีกำหนดฉายประมาณ 1 เดือน) เรื่องที่ฉายในครั้งนี้คือ Koro's Big Day Out (コロの大散歩) เป็นเรื่องราวของลูกสุนัขที่อบอุ่นหัวใจและพากย์เสียงโดยลูกสุนัขตัวจริง! (เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับทีมงาน JAPANKURU เพราะเป็นเรื่องเดียวกับที่เคยดูที่ Ghibli Museum)



หลังนั่งพักระหว่างชมภาพยนตร์ ทางทีมงานก็เดินกลับลงไปยังชั้นล่าง วนรอบส่วน Open Warehouse ซึ่งเป็นพื้นที่จัดเก็บนิทรรศการ Ghibli เก่า ๆ ก่อนกลับไปเข้าแถวรอคิวเข้านิทรรศการ Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes 

ส่วนจัดแสดงนี้ออกแบบมาได้สมกับชื่อของมัน จำลองฉากจากภาพยนตร์อนิเมชั่นของ Ghibli โดยเว้นส่วนของตัวละครหลักเอาไว้เพื่อให้ผู้เข้าชมไปเป็นตัวเอกในฉากนั้น ๆ ! 
ก้าวเข้าไปในฉากสุดโด่งดังจากเรื่อง Spirited Away, Ponyo รวมไปถึง Princess Mononoke ที่นี่ไม่ได้เฉพาะฉากจากเรื่องดัง ๆ เท่านั้น แต่ยังมีฉากจากเรื่องที่แมสรองลงมาอย่าง Wind Rises หรือเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่าง Ocean Waves (海がきこえる ) อีกด้วย 

ทีมงาน JAPANKURU ค่อนข้างชอบฉากที่ให้ผู้เข้าชมสวมบทเป็น Pazu ที่รอรับ Sheeta ซึ่งลอยอยู่ในอากาศเป็นพิเศษ เมื่อถ่ายรูปออกมาก็จะได้ภาพที่เหมือนกับโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง Castle in the Sky เลยทีเดียว ถึงแม้จะต่อคิวยาวพอสมควร แต่นิทรรศการนี้ก็ไม่ได้แออัดอย่างที่ทางทีมงานกลัวในตอนแรก ดังนั้นคุณจึงสามารถวนถ่ายภาพในทุก ๆ ฉากได้ตามต้องการ!

Part⑤ Milk Stand Siberi❆An ・ Transcontinental Flight Café



หลังจากเดินตะลอนถ่ายภาพกันจนเมื่อยนิ้วแล้ว ทางทีมงานพึ่งก็ตระหนักได้ว่ามัวแต่เพลินกับการเที่ยวชมจนลืมกินข้าวเที่ยง เมื่อกระเพาะเริ่มประท้วงเราจึงตัดสินใจแวะไปหาของหวานรองท้องกันก่อน โดยมุ่งตรงไปที่ร้านขนมหวานเล็ก ๆ ชื่อว่า Milk Stand Siberi❆An ที่ตั้งอยู่ในสวนซี่งออกแบบโดยรับแรงบันดาลใจจากเรื่อง The Wind Rises ที่ร้านนี้มีเมนูให้เลือกไม่มากนัก โดยมึเมนูหลักคือ Siberi แซนวิชเค้กสอดไส้ถั่วแดง ตัวไส้ถั่วแดงมีให้เลือก 2 แบบคือไส้ถั่วแดงบดละเอียด (つぶあん) และไส้ถั่วแดงบดหยาบ (こしあん) เมนูหลักอีกอย่างคือนมที่มาในขวดแก้วสไตล์ย้อนยุคแต่งโลโก้เจ้าหญิงแมวอันเป็นตัวละครออริจินอลของ Ghibli Park นอกจากนี้ยังมีเมนูน้ำผลไม้และชาให้เลือกอีกด้วย 



จากนั้นเราก็มาต่อกันที่ร้านอาหารหลักของ Ghibli Park Grand Warehouse ที่มีชื่อว่า Transcontinental Flight Café ตัวร้านมีพื้นที่กว้างขวางและที่นั่งมากมาย ตอนที่ทีมงานมาถึงร้านเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ทำให้เมนูฮิต เช่น พิซซ่าหน้าคัตสึราดซอสสไตล์นาโกย่าขายหมดไปแล้ว สำหรับคนที่กังวลว่าหากมาถึงร้านช้าจะยังมีของกินให้สั่งอยู่หรือไม่ จากที่สังเกตในวันนี้ยังมีแซนวิชน่าทานหลายเมนูให้เลือกสั่งจนถึงเวลา last order (ประมาณ 16:30) ในส่วนของราคาก็ถือว่าไม่ได้ถูกถ้าเทียบกับปริมาณ แต่ก็ไม่ได้แพงเว่อร์วังเหมือนกับอาหารที่ขายในสวนสนุก ในส่วนของรสชาติและคุณภาพต้องขอบอกว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทางทีมงานขอแนะนำเมนู Prosciutto Ham and Cheese Sandwich และ BLT Sandwich สำหรับคนที่มองหาเมนูพื้น ๆ ที่ทานง่าย สำหรับคนที่ทานมังสวิรัติก็มีเมนู Hummus Sandwich ที่มีครีม Hummus ที่ดีที่สุดที่เท่าที่เราเคยทานในญี่ปุ่น หรือถ้าคุณกำลังมองหาเมนูที่หาทานได้เฉพาะที่ญี่ปุ่น เราขอแนะนำเมนูแซนด์วิชสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ (นโปลิตัน)  

Part⑥ ร้าน Adventurous Flying Squadron ・ Rotunda Kazegaoka



จุดสุดท้ายที่เราแวะก่อนออกจาก Ghibli Park Grand Warehouse คือร้านกิฟต์ช้อป Adventurous Flying Squadron ภายในร้านเต็มไปด้วยสินค้าธีม Ghibli ทุกประเภท มีตั้งแต่เสื้อยืดลาย Ghibli Park, เครื่องประดับปักลาย Ponyo, ตุ๊กตา Cat Bus สไตล์ patchwork หลากขนาด, เครื่องประดับสไตล์หรูหรา เครื่องลายครามรูป Castle in the Sky หรือ My Neighbor Totoro, คุกกี้ในกระป๋องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม, สติกเกอร์, เข็มกลัด, โปสการ์ด และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นการจบทริปที่ Ghibli Park Grand Warehouse อย่างแฮปปี้พร้อมกระเป๋าสตางค์ที่เบาลงอย่างเห็นได้ชัด



หลังออกจาก Grand Warehouse ระหว่างทางไปขึ้นรถไฟเราก็แวะจุดสุดท้ายก่อนกลับบ้านกันที่ร้าน Rotunda Kazegaoka (ทางเข้าทางทิศเหนือ) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ ตัวร้านไม่ได้อยู่ภายในพื้นที่ของ Ghibli Park จึงสามารถเข้าไปซื้อของได้โดยไม่ต้องมีบัตรผ่านประตู ภายในร้านจำหน่ายสินค้าทั่วไปของ Expo 2005 Aichi Commemorative Park และขนมนำเข้าที่น่าสนใจหลายอย่าง ที่นี่ยังมีสินค้าจิบลิให้ได้เก็บตกกันอีกครั้งก่อนกลับบ้าน เช่น เสื้อยืดปักลาย ทีมงานต้องกล่อมตัวเองอย่างหนักเพื่อไม่ให้เผลอใจไปซื้อหมวกฟางที่ดูคล้ายกับที่โซฟีจาก Howl's Moving Castle และ May จาก My Neighbor Totoro สวม และตัดใจขึ้นรถไฟมุ่งกลับสู่กรุงโตเกียว 

Ghibli’s Grand Warehouse vs. the Ghibli Museum



ทั้งสองแห่งเป็นพื้นที่มหัศจรรย์ซึ่งอัดแน่นไปด้วยนิทรรศการที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับอนิเมชั่นของ Studio Ghibli มีโรงฉายภาพยนตร์สั้น, Cat Bus และร้านขายของที่ระลึกที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวน ถ้าอย่างนั้นอะไรคือความแตกต่างระหว่าง Ghibli Museum ในโตเกียวและ Ghibli Park Grand Warehouse ในนาโกย่า? มันคุ้มค่าที่จะเดินทางไปยังภาคกลางของญี่ปุ่นเพื่อชม Ghibli Park หรือไม่? 

ก่อนอื่นเรามาพิจารณาจากปัจจัยง่าย ๆ 2 ข้อกันก่อน
① ขนาด: Ghibli Museum เป็นอาคารเดี่ยวตั้งอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งชานเมืองโตเกียว เป็นอาคารขนาดกะทัดรัดและมีบรรยากาศสบาย ๆ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สัมผัสได้ว่าทุก ๆ พื้นที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ส่วน Grand Warehouse ตั้งอยู่บนพื้นที่ครึ่งหนึ่งของศูนย์การประชุมเดิม ดังนั้นจึงมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังห้อมล้อมไปด้วยจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของ Ghibli Park ให้ได้เดินเที่ยวกันจนหมดวัน

② เนื้อหาการจัดแสดง: Ghibli Museum จะเน้นการจัดแสดงเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ของสตูดิโอจิบลิ พื้นที่โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห้ามถ่ายภาพ มีห้องจัดแสดงที่พาผู้ชมไปสัมผัสกับโลกแห่งการสร้างอนิเมชั่น เที่ยวชมโต๊ะทำงานและบรรยากาศการทำงานของสตูโอจิบลิ และมีนิทรรศการที่หมุนเวียนจัดตลอดปี ส่วน Ghibli Park เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสายถ่ายภาพ เฉพาะที่ Grand Warehouse ก็เต็มไปด้วยจุดถ่ายภาพมากมายที่รอให้ผู้เข้าชมเข้าไปสวมบทบาทเป็นตัวเอกในอนิเมชั่นเรื่องโปรดแล้วถ่ายภาพที่ระลึก

อาจจะต้องลองถามตัวเองดูว่าอะไรที่จะตอบโจทย์ของคุณมากกว่าระหว่างพิพิธภัณฑ์กับธีมพาร์ค? หรือถ้าหากยังลังเลอยู่ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเปรียบเทียบเพิ่มเติมได้จากบทความ Ghibli Museum vs. Ghibli’s Grand Warehouse ไปที่ไหนดีนะ?

เส้นทางการเดินชม Ghibli Park ที่สมบูรณ์แบบ & ข้อแนะนำสำหรับการเดินเที่ยว



หากดูแผนที่ของ Ghibli's Grand Warehouse จะสังเกตได้ทันทีว่าทีมงาน JAPANKURU เดินเที่ยวโดยไม่ได้วางแผนการเดินชมเป็นพิเศษ เพียงแต่เดินเข้าไปหาสิ่งที่น่าสนใจซึ่งดึงดูดสายตาของเราก่อน ทำให้เราเดินผ่านจุดเดิมครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยเส้นทางที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี เพราะกลายเป็นว่ามันทำให้เราได้เดินดูสถานที่เดิมในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป หากคุณวางแผนท่องเที่ยวไว้อย่างหลวม ๆ และสามารถใช้เวลาเดินเที่ยวใน Grand Warehouse ได้ตลอดวันแล้วล่ะก็ การลองเดินไปตามใจอยากและค่อย ๆ ซึมซับรายละเอียดที่แฝงอยู่ในส่วนจัดแสดงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่อยากแนะนำ

แล้วควรไปจุดไหนเป็นที่แรก? ด้วยเนื้อหาการจัดแสดงของแต่ละโซนที่แยกกันเป็นเอกเทศทำให้เราสามารถเลือกลำดับการเดินได้อย่างอิสระ แม้ว่าแถวของโซน Becoming Characters in Memorable Ghibli Scenes จะขยับค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยาวตลอดทั้งวัน เราจึงไม่แนะนำให้ไปที่จุดนี้เป็นที่แรก แล้วถ้าคุณไม่อยากพลาดเมนูแซนวิชและพิซซ่าท็อปปิ้งสุดฮิตที่คาเฟ่ เราขอแนะนำให้คุณเข้าไปที่ร้านอาหารเป็นที่แรกเพื่อใช้เวลานั่งทานข้าวกลางวันพลางลองวางแผนว่าจะไปจุดไหนต่อดี และอย่าลืมพกเพาเวอร์แบงค์ไปชาร์จมือถือที่แบตไหลอย่างรวดเร็วจากการลงรูปรัว ๆ ในโซเชียลมีเดียด้วยล่ะ ! 

ติดตามเรื่องราว ข้อมูล และข่าวสารส่งตรงจากญี่ปุ่นกับ Japankuru ได้ทาง Twitter และ Facebook!

Details

NAME:Ghibli Park (ジブリパーク)

ACCESS:Ai-Chikyuhaku-Kinen-Koen Station

OFFICIAL WEBSITE:

https://ghibli-park.jp/

Follow us @Japankuru on Facebook, Instagram, and Twitter!

  • facebook
  • line

COMMENT

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments

FEATURED MEDIA

VIEW MORE →

A Tokyo Winter Must-See: Tokyo Mega Illumination

Event Period: November 2, 2024 ~ January 12, 2025
 *Closed Nov 4~8, Dec 1~6, Dec 25~ Jan 1. End date may be subject to change.
Hours: 16:30 – 21:00 (final admission 20:00)
 *Opening hours may vary depending on scheduled events or congestion, please check the official website for details.
Directions: 2 min. walk from Tokyo Monorail Oikeibajo-Mae Station, 12 min. walk from Keikyu Tachiaigawa Station

#japankuru #tokyowinter #tokyomegaillumination #megaillumination2024 #tokyocitykeiba #도쿄메가일루미네이션 #tokyotrip #oiracecourseillumination

A Tokyo Winter Must-See: Tokyo Mega Illumination Event Period: November 2, 2024 ~ January 12, 2025  *Closed Nov 4~8, Dec 1~6, Dec 25~ Jan 1. End date may be subject to change. Hours: 16:30 – 21:00 (final admission 20:00)  *Opening hours may vary depending on scheduled events or congestion, please check the official website for details. Directions: 2 min. walk from Tokyo Monorail Oikeibajo-Mae Station, 12 min. walk from Keikyu Tachiaigawa Station #japankuru #tokyowinter #tokyomegaillumination #megaillumination2024 #tokyocitykeiba #도쿄메가일루미네이션 #tokyotrip #oiracecourseillumination

Tokyo Shopping Spot Recommendation: New Balance Kichijoji
#newbalance #newbalancekichijoji #newbalancejapan #japanesesneakerheads #shoppinginjapan #japantrip #도쿄여행 #도쿄쇼핑 #뉴발란스 #일본한정 #일본패션 #日本購物 #日本買衣服 #NB #日本時尚 #東京購物 #รองเท้าnewbalance #นิวบาลานซ์ 
#รองเท้าผ้าใบ #ช้อปปิ้ง #คิจิโจจิ #japankuru

Tokyo Shopping Spot Recommendation: New Balance Kichijoji #newbalance #newbalancekichijoji #newbalancejapan #japanesesneakerheads #shoppinginjapan #japantrip #도쿄여행 #도쿄쇼핑 #뉴발란스 #일본한정 #일본패션 #日本購物 #日本買衣服 #NB #日本時尚 #東京購物 #รองเท้าnewbalance #นิวบาลานซ์ #รองเท้าผ้าใบ #ช้อปปิ้ง #คิจิโจจิ #japankuru

See Kyoto Clearly With Your New Glasses
#japankuru #kyoto #jins #교토여행 #진즈 #京都 #교토수족관 #가모가와 #kamogawa #kyotoaquarium

See Kyoto Clearly With Your New Glasses #japankuru #kyoto #jins #교토여행 #진즈 #京都 #교토수족관 #가모가와 #kamogawa #kyotoaquarium

The First Japanese Converse Flagship: CONVERSE STORE HARAJUKU
#japankkuru #conversejp_pr #conversejapan #harajuku #tokyotrip #converse #tokyoshopping #匡威 #帆布鞋 #東京購物 #原宿 #日本時尚 #일본쇼핑 #일본컨버스 #일본한정 #하라주쿠 #일본패션 #일본스트릿 #รองเท้าconverse #รองเท้าผ้าใบ #ช้อปปิ้ง 
#ฮาราจูกุ #คอนเวิร์ส

The First Japanese Converse Flagship: CONVERSE STORE HARAJUKU #japankkuru #conversejp_pr #conversejapan #harajuku #tokyotrip #converse #tokyoshopping #匡威 #帆布鞋 #東京購物 #原宿 #日本時尚 #일본쇼핑 #일본컨버스 #일본한정 #하라주쿠 #일본패션 #일본스트릿 #รองเท้าconverse #รองเท้าผ้าใบ #ช้อปปิ้ง #ฮาราจูกุ #คอนเวิร์ส

Japanese Makeup Shopping • A Trip to Kamakura & Enoshima With Canmake’s Cool-Toned Summer Makeup
#pr #canmake #enoshima #enoden #에노시마 #캔메이크 #japanesemakeup #japanesecosmetics

Japanese Makeup Shopping • A Trip to Kamakura & Enoshima With Canmake’s Cool-Toned Summer Makeup #pr #canmake #enoshima #enoden #에노시마 #캔메이크 #japanesemakeup #japanesecosmetics

⚔️The Robot Restaurant is gone, but the Samurai Restaurant is here to take its place. Check it out, and don't forget your coupon!
🍣신주쿠의 명소 로봇 레스토랑이 사무라이 레스토랑으로 부활! 절찬 쿠폰 발급중
💃18歲以上才能入場的歌舞秀,和你想的不一樣!拿好優惠券去看看~
#tokyo #shinjuku #samurairestaurant #robotrestaurant #tokyotrip #도쿄여행 #신주쿠 #사무라이레스토랑 #이색체험 #할인이벤트 #歌舞伎町 #東京景點 #武士餐廳 #日本表演 #日本文化體驗 #japankuru #japantrip #japantravel #japanlovers #japan_of_insta

⚔️The Robot Restaurant is gone, but the Samurai Restaurant is here to take its place. Check it out, and don't forget your coupon! 🍣신주쿠의 명소 로봇 레스토랑이 사무라이 레스토랑으로 부활! 절찬 쿠폰 발급중 💃18歲以上才能入場的歌舞秀,和你想的不一樣!拿好優惠券去看看~ #tokyo #shinjuku #samurairestaurant #robotrestaurant #tokyotrip #도쿄여행 #신주쿠 #사무라이레스토랑 #이색체험 #할인이벤트 #歌舞伎町 #東京景點 #武士餐廳 #日本表演 #日本文化體驗 #japankuru #japantrip #japantravel #japanlovers #japan_of_insta

Japanese appliance & electronics shopping with our KOJIMA x BicCamera coupon!
用JAPANKURU的KOJIMA x BicCamera優惠券買這些正好❤️
코지마 x 빅 카메라 쿠폰으로 일본 가전 제품 쇼핑하기

#pr #japankuru #japanshopping #kojima #biccamera #japaneseskincare #yaman #dji #osmopocket3 #skincaredevice #日本購物 #美容儀 #相機 #雅萌 #日本家電 #일본여행 #면세 #여행꿀팁 #일본쇼핑리스트 #쿠폰 #일본쇼핑 #일본브랜드 #할인 #코지마 #빅카메라 #japankurucoupon

Japanese appliance & electronics shopping with our KOJIMA x BicCamera coupon! 用JAPANKURU的KOJIMA x BicCamera優惠券買這些正好❤️ 코지마 x 빅 카메라 쿠폰으로 일본 가전 제품 쇼핑하기 #pr #japankuru #japanshopping #kojima #biccamera #japaneseskincare #yaman #dji #osmopocket3 #skincaredevice #日本購物 #美容儀 #相機 #雅萌 #日本家電 #일본여행 #면세 #여행꿀팁 #일본쇼핑리스트 #쿠폰 #일본쇼핑 #일본브랜드 #할인 #코지마 #빅카메라 #japankurucoupon

Odaiba's DiverCity Tokyo Plaza is home to the famous real-size 20m-tall Unicorn Gundam, and the popular shopping center has even more Gundam on the inside! Check out the Gundam Base Tokyo on the 7th floor for shelves upon shelves of Gunpla, and the Gundam Base Tokyo Annex on the 2nd floor for cool anime merchandise. Both shops have tons of limited-edition items!
#pr #odaiba #tokyo #tokyotrip #japantrip #japantravel #PR #divercity #divercitytokyoplaza #tokyoshopping #gundam #unicorngundam #gundambasetokyo #anime #otaku #gunpla #japankuru #오다이바 #다이바시티도쿄 #오다이바건담 #건담 #일본건담 #건프라 #건담베이스도쿄

Odaiba's DiverCity Tokyo Plaza is home to the famous real-size 20m-tall Unicorn Gundam, and the popular shopping center has even more Gundam on the inside! Check out the Gundam Base Tokyo on the 7th floor for shelves upon shelves of Gunpla, and the Gundam Base Tokyo Annex on the 2nd floor for cool anime merchandise. Both shops have tons of limited-edition items! #pr #odaiba #tokyo #tokyotrip #japantrip #japantravel #PR #divercity #divercitytokyoplaza #tokyoshopping #gundam #unicorngundam #gundambasetokyo #anime #otaku #gunpla #japankuru #오다이바 #다이바시티도쿄 #오다이바건담 #건담 #일본건담 #건프라 #건담베이스도쿄

|

MAP OF JAPAN

SEARCH BY REGION →

    • ฮอกไกโด

      VIEW MORE →

      ฮอกไกโด อยู่ทางเหนือสุดจาก 4 เกาะหลักของญี่ปุ่น บริเวณนี้โด่งดังเรื่องเบียร์ซัปโปโร การผลิตและการกลั่นเบียร์ รวมถึงเทศกาลหิมะ และอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม และยังเหมาะกับเหล่านักชิมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งที่ปลูกในฮอกไกโด แคนตาลูป ผลิตภัณฑ์จากนม ซุปแกงกะหรี่ และมิโซะราเมน

    • นิกิ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด ห่างจากโอตารุประมาณ 30 นาที นิกิเป็นเมืองเล็กๆที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ ทำให้สวนผลไม้ของที่นี่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น เชอร์รี่ มะเขือเทศ และองุ่น มีโรงกลั่นไวน์ และกลายเป็นสถาที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารและไวน์ในเวลาไม่นาน

    • นิเซโกะ ห่างจากสนามบิน New Chitose ประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีรีสอร์ทในฤดูหนาวที่ดีที่สุด และยังเป็นจุดที่ชาวต่างชาติมักแวะมาเยี่ยมเยียน เพราะหิมะของที่นี่มีคุณภาพสูง นุ่มละเอียดดุจผงแป้ง ที่ไม่ว่านักสกี นักสโนว์บอร์ด รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ต้องกลับมาซ้ำ นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อย และออนเซ็นวิวสวยอีกด้วย

    • โอตารุ คือเมืองที่อยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางจากสถานีซัปโปโรประมาณ 30 นาที ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 กิจการการค้าขายและการประมงรุ่งเรืองมาก โดยอาคารที่สร้างในสมัยนั้นก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ย่านคลองโอตารุ ในปัจจุบัน เนื่องจากในอดีตที่นีเป็นศูนย์กลางของการประมง ทำให้มีร้านซูชิกว่า 100 ร้าน ให้เราได้เลือกชิมซูชิสดใหม่ ที่มีคนต่อแถวยาวบริเวณถนนซูชิ (Sushi Street)

    • SAPPORO

      VIEW MORE →

      ซับโปโร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด เป็นศูนย์กลางของการเมืองและเศรษฐกิจของฮอกไกโด มีสนามบินชินจิโตะเสะ (New Chitose Airport) ที่รองรับเที่ยวบินจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียว โอซาก้า และเที่ยวบินจากต่างประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลหิมะขึ้นที่สวนโอโดริ (Odori Park) หนึ่งในงานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของฮอกไกโด และยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย ทั้งราเมน เนื้อแกะย่าง ซุปแกงกะหรี่ และอาหารทะเล

    • โทโฮคุ

      VIEW MORE →

      โทโฮคุประกอบด้วย 6 จังหวัดที่อยู่ทางภาคอีสานญี่ปุ่น เป็นแหล่งปลูกพืชที่สำคัญ (แหล่งอาหารชั้นเยี่ยม) เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม พร้อมทั้งภูเขา ทะเลสาบ และแหล่งออนเซ็น

    • ฟุกุชิมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุชิมะ อยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ และแบ่งออกเป็น 3 เขตใหญ่คือ ฮามะโดริ (ชายฝั่ง) นากะโดริ (ตอนกลางของจังหวัด) และไอซุ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยเอโดะ อุทยานแห่งชาติโอเซะ ราเมคิตะคะตะ Bandai Ski Resort (พาวเดอร์สโนว์) เป็นจังหวัดที่สามารถเที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดู

    • ยามากาตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดยามากาตะ อยูในภูมิภาคโทโฮคุ หรือภาคอีสานของญี่ปุ่น ผู้คนนิยมไปเที่ยวในฤดูหนาว แช่ออนเซ็นและเล่นสกี โดยเฉพาะที่ Zao Onsen Ski Resort และที่ Gassan Ski Resort ชมความงามของหิมะที่ปกคลุมต้นไม้ จนหลายคนเรียกว่าปีศาจหิมะ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป เช่น วัด Risshakuji หรือวัด Yamadera, Ginzan Onsen ออนเซ็นบนถนนเก่าแก่ และทะเลสาบโอคามะ บนเขาซาโอะ นอกจากนี้ยังมีเนื้อโยเนซาวะ 1 ใน 3 อันดับเนื้อวากิวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น

    • อาคิตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดอาคิตะ อยู่บริเวณทะเลญี่ปุ่น ทางตอนเหนือสุดของภูมิภาคโทโฮคุ มีสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้มากที่สุดในญี่ปุ่น เช่น ประเพณีนามะฮาเกะ ที่แหลมโอกะ (ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ว่าเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้) และเทศกาลคันโต เทศกาลชื่อดังของภูมิภาคโทโฮคุ

    • คันโต

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในญี่ปุ่น ประกอบด้วย 7 จังหวัดคือ กุมมะ โทจิกิ อิบารากิ ไซตามะ โตเกียว ชิบะ และคานากาวะ ศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจ ความสนุกสนาน ความบันเทิงที่พบได้จะมีตั้งแต่ออนเซ็น สวนสนุก ธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบระยะสั้นเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืน

    • กุนมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดกุนมะ เดินทางสะดวก มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เช่น โอเสะ น้ำตกฟุกุวาเระ รวมถึงแหล่งออนเซ็นชื่อดัง (คุซัตสึ, อิกาโฮะ, มินาคามิ, ชิมะ) จนถูกเรียกว่าเป็นเมืองออนเซ็น และยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และคนรักรถไฟอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรงไหมโทมิโอกะ สะพานเมกาเนะบาชิ และทางรถไฟวาตาระเสะเคโคคุ

    • โตเกียว

      VIEW MORE →

      โตเกียว (東京) เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งความทันสมัย ตึกสูงเสียดฟ้า และผู้คนจำนวนมาก แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ทั้งพระราชวังอิมพีเรียล ย่านอาซากุสะ และยังเป็นเมืองอันดับต้นๆของโลกที่โดดเด่นในเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะ แฟชั่น เกมส์ เทคโนโลยี การคมนาคม และอื่นๆอีกมากมาย

    • โทจิกิ

      VIEW MORE →

      จังหวัดโทจิกิ มีเมืองสำคัญคือเมืองอุสึโนมิยะ ที่มีเกี๊ยวซ่าอันโด่งดัง และอยู่ห่างจากโตเกียวเพียง 1 ชั่วโมง มีธรรมชาติที่สวยงามให้ชมตลอดปี ตั้งแต่ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ไปจนถึงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นิกกโก เมืองมรดกโลก ศาลเจ้าโทโชกุ ทะเลสาบชูเซ็นจิ สวนดอกไม้อะชิคากะ (ดังเรื่องดอกวิสทีเรีย) รวมถึงเมืองนาซุ ที่เป็นที่นิยมในการท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการที่เป็นที่แปรพระราชฐานของจักรพรรดิญี่ปุ่น

    • ชูบุ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคชูบุ ตั้งอยู่บริเวณกลางประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ ไอจิ ฟุกุอิ กิฟุ อิชิคาว่า นางาโนะ นีกาตะ ชิซูโอกะ โทยาม่า และยามานาชิ บริเวณนี้มีชื่อเสียงเรื่องภูเขา โดยเฉพาะภูเขาไฟฟูจิ และเจแปนแอลป์ สกีรีสอร์ทในจังหวัดนางาโนะและจังหวัดนีกาตะ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูหนาว

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดชิซึโอกะ อยู่ตรงกลางระหว่างภาคตะวันตกและตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้ไม่ว่าจะเดินทางจากโตเกียวหรือโอซาก้าก็สะดวก มีธรรมชาติที่สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ ทะเลสาบฮามานาโกะ หุบเขาสุมาตะ คาบสมุทรอิซุ (แหล่งออนเซ็นอะตามิ อิโตะ ชิโมดะ ชูเซ็นจิ และโดกะชิมะ) นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยังมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของตะกูลโทกุกาว่า มีเมนูขึ้นชื่อคือปลาไหล เกี๊ยวซ่าของฮามามัตสึ และชาเขียวคุณภาพดี

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดนากาโนะ เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่นปราสาทคุมาโมโต้ วัดเซ็นโคจิ ศาลเจ้าโทกะคุชิ รวมถึงไฮไลท์ก็คือ เจแปนแอลป์ ผลไม้ของนากาโนะก็เป็นอีกอย่างที่มีชื่อเสียง ซึ่งเห็นได้จากสวนผลไม้ที่มีกิจกรรมให้เก็บผลไม้หลายชนิด และแหล่งออนเซ็นอย่าง Jigokudani ลิงแช่ออนเซ็น การเดินทางไปยังนากาโนะก็แสนง่าย เพราะมีรถไฟชินคันเซ็น โฮคุริคุ จากโตเกียวไปถึงนากาโนะ และเมื่อปี 1998 มีการจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่นากาโนะ ทำให้สกีรีสอร์ทที่ ฮาคุบะและชิกะโคเก็น กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

    • นาโกย่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดไอจิ ตั้งอยู่ใจกลางประเทศญี่ปุ่น มีเมืองนาโกย่าเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ไอจิเป็นเมืองอุตสาหกรรม และยังบ้านเกิดของรถยี่ห้อโตโยต้า มีพร้อมทั้งทะเลและภูเขา เช่น เกาะซาคุ หาดโคอิจิกาฮามะ เขาโฮราอิจิ ในอดีตเป็นเวทีในการต่อสู้ เช่น ในสมัยเซ็นโกคุ โอดะ โนบุนากะ, โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และโทกุกาว่า อิเอยาสุ ก็ได้ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ที่นี่ เช่น ปราสาทนาโกย่า ปราสาทอินุยามะ รวมถึงเมจิมูระ

    • นีงะตะ

      VIEW MORE →

      จ.นีงะตะตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู ติดกับทะเลญี่ปุ่น เต็มไปด้วยของขวัญจากธรรมชาติ มีสกีรีสอร์ตชื่อดังอย่างเช่น Echigo-Yuzawa อุทยานแห่งชาติ ออนเซ็นธรรมชาติ ซีฟู้ดสดใหม่ ข้าวญี่ปุ่น และสาเก นักท่องเที่ยวนิยมพักผ่อนในเมืองนีงะตะ และเกาะซาโด

    • คันไซ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคคันไซประกอบด้วยจังหวัดมิเอะ นารา วากายาม่า เกียวโต โอซาก้า เฮียวโกะ และชิกะ เมืองหลวงเก่าอย่าเกียวโตก็อยู่ในภูมิภาคคันไซ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของญี่ปุ่น ทั้งวัดและศาลเจ้าที่เกียวโต ปราสาทโอซาก้า และกวางที่นารา อีกทั้งผู้คนในแถบคันไซยังเป็นมิตร จึงเหมาะกับการเป็นสถานที่พักผ่อน

    • นารา

      VIEW MORE →

      จังหวัดนารา เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในอดีต ช่วงยุคนารา หรือราวค.ศ 710 ในช่วงที่นาราเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้นถูกเรียกว่า "เฮโจเกียว" และยังเป็นเส้นทางสายไหม ที่เฟื่องฟูไปยังนานาชาติและผลิตสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมมากมาย สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังนาราก็คือ สวนนารา ที่เต็มไปด้วยกวาง การปีนเขาโยชิโนะ และจุดชมซากุระ

    • เกียวโต

      VIEW MORE →

      เกียวโต เคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นตั้งแต่ปีค.ศ.794-1100 ที่เป็นศูนย์กลางในด้านการเมืองและวัฒนธรรม ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นถนนกิอง วัดทอง วัดน้ำใส และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง แม้แต่ป่าไผ่อาราชิยาม่าอันโด่งดัง ที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชมความงาม ที่หมุนเวียนไปตลอดทั้ง 4 ฤดู

    • โอซาก้า

      VIEW MORE →

      โอซาก้า เป็นเมืองที่ผู้คนเป็นมิตรและมีแต่ความสนุกสนาน แต่ประวัติศาสตร์ของที่นี่ไม่ได้สนุกเหมือนกับในปัจจุบัน เพราะโอซาก้านั้นมีส่วนสำคัญในการรวมญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 16 ทำให้โอซาก้าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่น มีเมนูอาหารชื่อดัง จนได้ชื่อว่าเป็น "ครัวของญี่ปุ่น" ในปัจจุบันโอซาก้าเป็นต้นแบบของญี่ปุ่นตะวันตก ที่มาพร้อมกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทโอซาก้า แหล่งช้อปปิ้งย่านอุเมดะอย่าง Grand Front Osaka และ Abeno Harukas โอซาก้าเป็นสวรรค์ของนักชิม มาพร้อมกับเมนูขึ้นชื่อย่าง ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ และคุชิคัตสึ รวมถึงเป็นที่ตั้งของสวนสนุก Universal Studios Japan อีกด้วย

    • ชูโกกุ

      VIEW MORE →

      ชูโกกุ ประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ ฮิโรชิม่า โอคายาม่า ชิมาเนะ ทตโตริ และยามากุจิ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคือ เนินทราย (ทตโตริ) และ สวนสันติภาพ (ฮิโรชิม่า) และเมื่อข้ามน้ำไปยังชิโกกุที่มีด้วยกัน 4 จังหวัดคือ เอฮิเมะ คากาวะ โคจิ และโทคุชิม่า ขึ้นชื่อเรื่องอุด้ง (คากาวะ) และโดโกะออนเซ็น (เอฮิเมะ)

    • ฮิโรชิม่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดฮิโรชิม่า มีทั้งแหล่งมรดกโลก ธรรมชาติ และอาหารอร่อย สามารถนั่นเครื่องบินจากโตเกียวโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ครึ่ง และนั่งรถไฟ 4 ชั่วโมง มีแหล่งมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO 2 แห่ง คือ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะบนเกาะมิยาจิมะ และ Atomic Bomb Dome นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลจากทะเลในเซโต โดยเฉพาะหอยนางรม โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า เลมอเซโตอุจิ และธรรมชาติที่สวยงามสะกดสายตา

    • ชิโกกุ

      VIEW MORE →

      On the other side of the Seto Inland Sea opposite Japan’s main island, Shikoku (四国) is a region made up of four prefectures: Ehime, Kagawa, Kochi, and Tokushima. The area is famous for its udon (in Kagawa), and the beautiful Dogo Onsen hot springs (in Ehime).

    • คากาวะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดคากาวะ อยู่ทางตอนเหนือของเกาะชิโกกุ ติดกับเกาะหลักของญี่ปุ่นและทะเลในเซโต เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น มีซานุกิอุด้งชื่อดัง จนทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า เมืองอุด้ง มีศาลเจ้าโกโตฮิรากุและสวนริสึริน ว่ากันว่าหากมองไปที่ Zenigata Sunae หรือภาพวาดจากทราย จะทำให้ไม่ขัดสนเรื่องเงินตลอดไป

    • คิวชู

      VIEW MORE →

      เกาะคิวชู ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น มีด้วยกัน 7 จังหวัด คือ ฟุกุโอกะ ซากะ นางาซากิ คุมาโมโต้ โออิตะ มิยาซากิ และคาโกชิม่า เกาะนี้มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากที่อื่น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากจีนและฮอลันดา เข้ามาทำการค้าในสมัยก่อน โดยมิชชันนารีเข้ามาทางท่าเรืองในจ.นางาซากิ และต้องขอบคุณการระเบิดของภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ที่ทำให้ที่นี่มีพร้อมทั้งวิวทิวทัศน์ ธรรมชาติ อาหาร แหล่งออนเซ็นที่สวยงาม

    • คาโกชิม่า

      VIEW MORE →

      คาโกชิมะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสิ่งใหม่ๆของญี่ปุ่น โดยมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงในอดีต เช่น ซามูไร ไซโกะ ทาคาโมริ และ โอคุโบะ โทชิมิจิ ผู้ผลักดันญี่ปุ่นจากยุคเอโดะมายังยุคเมจิ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ สวนเซ็นกันเอ็น ภูเขาไฟซากุระจิมะ ออนเซ็นอิบุสุกิ ออนเซ็นคิริชิมะ เกาะยาคุชิมะ แหล่งมรดกโลก หรือเกาะอะมามิโอชิมะ เกาะที่ว่ากันว่าอยู่ใกล้สวรรค์มากที่สุด แม้จะตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะหลัก แต่คาโกชิมะก็เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่รอให้ไปชมมากมาย

    • ฟุกุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นเมืองที่มีประชากรอยู่มากที่สุดในภูมิภาคคิวชู มี 2 เมืองใหญ่คือ ฟุกุโอกะและคิตะคิวชู การท่องเที่ยวในฟุกุโอกะนั้นสะดวกสบาย ทำให้สามารถไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าดาไซฟู เท็นมังกุ มตสึนาเบะ(หม้อไฟเครื่องใน) ไข่ปลาเม็นไทโกะ(ไข่ปลาคอตรสเผ็ด) และราเมนฮากาตะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเหมาะกับทั้งคนที่ชอบช้อปปิ้ง และชอบธรรมชาติ

    • โอกินาว่า

      VIEW MORE →

      เกาะโอกินาว่านั้นอยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นส่วนที่ร้อนที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จากในอดีตที่มีการปกครองตนเอง และเหตุการณ์ทางการเมือง และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้โอกินาว่าที่วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีวัฒนธรรมจากอาณาจักรริวกิวหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภาษา เสื้อผ้า นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของคาราเต้อีกด้วย

MOST POPULAR

RELATED ARTICLES

PARTNERS