บริเวณปราสาทโอซาก้าเป็นที่ที่มีทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศาลเจ้า และซากุระ เพียงแค่ที่เดียวก็สามารถเที่ยวได้ทั้งวัน

ปราสาทโอซาก้าเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของโอซาก้า ไม่ว่าใครที่ได้ไปก็ต้องแวะเที่ยวแวะชม เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และยังมีพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ภายใน ให้ศึกษาเรื่องสงครามเมื่อ 100 ปีก่อน รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น จะขึ้นลิฟต์ที่อยู่ภายในปราสาท หรือเดินขึ้นบันไดเพื่อชมวิวเมืองโอซาก้า  เดินเล่นรอบๆปราสาทและสวน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีซากุระบาน (แต่จริงๆแล้วสวยทั้งปี) หากมีโอกาสได้ไปปราสาทโอซาก้าในช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายน จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่จะไปดูซากุระมากที่สุด ส่วนในฤดูอื่นๆก็สามารถชมต้นไม้ ธรรมชาติ และปราสาท ต้องขอย้ำอีกครั้งว่าหากได้ไปโอซาก้า ไม่ควรพลาดแวะชมปราสาทโอซาก้า

กำแพงปราสาทหินแกรนิต

ผู้คนมาชมความสวยงามของซากุระรอบๆปราสาทเป็นจำนวนมาก

ความสวยงามของซากุระ และความคึกคักของเมืองโอซาก้า

รูปปั้นของ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ที่ปราสาทโอซาก้า

ตัวปราสาทโอซาก้ามีอายุราว 90 ปี มีการสร้างขึ้นใหม่ในปี 1931 แม้ตัวปราสาทจะสร้างมาไม่นาน แต่พื้นที่นี้มีอายุยาวนานกว่านั้น ย้อนกลับไปในปี 1496 มีการสร้างวัดขึ้นบนพื้นที่นี้ ซึ่งต่อมากลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงอย่างวัดโอซาก้า ฮงกันจิ (Osaka Honganji Temple) เป็นจุดเริ่มต้นของ 3 วีรบุรุษผู้รวบรวมญี่ปุ่น โดยโอดะ โนบุนากะ และผู้ติดตามโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ กับ โทกุกาว่า อิเอยาสุ โดยโอดะได้พยายามรวบรวมประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการทำสงครามกับพระ และเผาวัด ภายหลังจากการเสียชีวิตของโอดะ โนบุนากะ โทโยโทมิก็ได้เดินตามรอยของเจ้านายโดยการรวบรวมกำลังพล เพื่อสร้างปราสาทบริเวณพื้นที่วัดเก่า โดยเขาต้องการให้ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่น่าประทับใจ จึงมีการใช้แผ่นทองในการสร้างด้วย ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

หลังจากที่โทโยโทมิเสียชีวิตลง ปราสาทก็ตกเป็นของ ฮิเดโยริ ลูกชายของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ หลังจากปราสาทสร้างเสร็จไม่นาน ก็ดกิดสงครามเซกิงาฮาระขึ้น โดยโทกุกาว่าเป็นฝ่ายชนะ และอ้างว่าตนเองเป็นผู้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ชาติ ในช่วงนี้เองโทกุกาว่า อิเอยาสุ ก็ได้ทำลายสิ่งก่อสร้างบริเวณพื้นที่นี้ ทำให้ปราสาทโอซาก้าเสียหาย จนต้องมีการสร้างใหม่ในช่วงปี 1620 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ 2 ส่วนกำแพงปราสาทที่เห็นอยู่ในปัจจุบันก็สร้างในยุคนั้นเช่นกัน
 
พื้นที่ปราสาทโอซาก้าน่าจะเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความโชคร้าย เพราะเกิดเหตุไฟไหม้ในปี 1660 และ 1665 อาคารส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย จนกระทั่งถึงช่วงปี 1800 มีการซ่อมแซมอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนเดิม ต่อมาในปี 1868 ปราสาทถูกล้อมและเผา ในสมัยการปฏิรูปเมจิ ซึ่งขณะนั้นพื้นที่นี้ใช้เป็นค่ายทหาร จนกระทั่งปี 1931 ปราสาทโอซาก้าเวอร์ชั่นปัจจุบันก็ได้ถูกบูรณะขึ้น ส่วนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาทไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ซึ่งเป็นครั้งแรกของปราสาทโอซาก้าที่รอดพ้นจากสงครามได้ หลังจากการบูรณะปราสาทในช่วงปี 1900 ปราสาทก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโอซาก้า มีการตกแต่งภายในที่ทันสมัย พร้อมกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์โดยละเอียด แนะนำให้ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ภายในปราสาท เป็นการศึกษาประวัติศาสตร์บนพื้นที่จริง บรรยากาศจริง

ไม่ว่าจะเดินชมพิพิธภัณฑ์ เดินเล่นรอบปราสาท จะขึ้นไปชมวิวเมืองโอซาก้าที่ชั้นบนของปราสาท หรือแม้กระทั่งศาลเจ้าที่สร้างไว้เพื่ออุทิศให้กับโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ สวนนิชิโนะมารุอีกหนึ่งสวนที่เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว มีอาคารหลายหลังที่เกี่ยวข้องกับตัวปราสาท และบางหลังยังมีอายุมากกว่าตัวปราสาทอีกด้วย อีกทั้งยังมีมุมให้ถ่ายภาพสวยๆมากมาย สำหรับการเข้าชมสวนต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเล็กน้อย

ปราสาทโอซาก้า
เวลาทำการ: 9:00~17:00
(ช่วงซากุระบาน: 9:00~19:00, วันหยุดยาวโกลเด้นวีค: 9:00~18:00)
ค่าเข้าชม: 600 เยน, เด็กประถมและอายุต่ำกว่าเข้าฟรี

สวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden)
เวลาทำการ: 9:00~17:00 (มีนาคม-ตุลาคม), 9:00~16:30 (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์), 9:00~20:00 (ช่วงซากุระบาน)
ค่าเข้า: 200 เยน, เด็กประถมและอายุต่ำกว่าเข้าฟรี

หลังจากเที่ยวปราสาทมาทั้งวันแล้วตอนเย็นๆไปเดินช้อปปิ้งที่ย่านชินไซบาชิ กับร้าน URBAN RESEARCH Shinsaibashi และกลับมานอนพักสบายๆที่ Imano Osaka Shisaibashi Hostel เป็นอันจบทริป 1 วันในโอซาก้าได้ง่ายๆ

ใครเคยไปเที่ยวปราสาทโอซาก้าแล้ว หรือมีแพลนจะไปมาร่วมพูดคุยกับเราที่ Facebook โอซาก้ารอทุกคนอยู่