Sponsored

รีวิวเทศกาลที่น่าสนใจในญี่ปุ่น | มาร่วมเทศกาลของญี่ปุ่น (หรือมัตสึริ) กับเทศกาลเมืองสีรุกะ จังหวัดมัตสึริกันเถอะ!!

บทความนี้มีเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน

  • X
  • line



ในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา JAPANKURU ได้เดินทางไปที่เมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่อยู่ค่อนไปทางใต้ของจังหวัดฟุกุอิ (Fukui) ที่เรียกว่าเมืองสึรุกะ (Tsuruga (敦賀市)) โดยปกติแล้ว หากให้เพื่อนๆนึกถึงเมืองท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น เพื่อนๆก็คงจะนึกถึงโตเกียว, โอซาก้า, เกียวโต และโอกินาว่า ประมาณนี้ใช่ไหมละ สำหรับเพื่อนๆหลายคน นี่อาจจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำไป ที่ได้ยินชื่อจังหวัดฟุกุอิ และถ้าหากเพื่อนๆลองไปถามคนญี่ปุ่นดูเกี่ยวกับจังหวัดฟุกุอิละก็ คนญี่ปุ่นหลายคนก็จะตอบว่า ไม่รู้ว่ามีอะไรที่น่าไปเที่ยวที่นั่นอยู่เหมือนกัน แล้วจากคำกล่าวแบบนี้แล้ว ทำไมพวกเราถึงยังตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่นั่นอีกละ? โดยในทุกๆปีของการเริ่มต้นเดือนกันยายน จะมีการจัดเทศกาล (ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า มัตสึริ (Festival)) ในเมืองสึรุกะ จังหวัดฟุกุอิ เป็นจำนวน 4 วัน แต่ว่าในครั้งที่เรามานี้ เป็นช่วงพายุไต้ฝุ่นเข้าประเทศญี่ปุ่นพอดี ทำให้ในวันสุดท้ายของเทศกาลมีฝนตกตลอดทั้งวัน ซึ่งวันสุดท้ายนั้น ก็เป็นกิจกรรมหลักของเทศกาลนี้เสียด้วยสิ แต่ถึงจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เทศกาลนี้ก็ยังคงมอบประสบการณ์ดีๆให้กับพวกเราอยู่ดีละนะ และแน่นอนว่าทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น ก็มีเทศกาลที่น่าสนใจอยู่มากมาย แต่ว่าในครั้งนี้ พวกเราขอมาแนะนำเทศกาลสึรุกะ (Tsuruga Festival (敦賀祭り)) พร้อมกับอธิบายเหตุผลว่าทำไมเราถึงมาเที่ยวเทศกาลนี้ให้เพื่อนๆฟังกัน มาดูกันเลยดีกว่า~

มาทำความรู้จักกับเมืองสึรุกะ จังหวัดฟุกุอิกันก่อนดีกว่า



จังหวัดฟุกุอิ ตั้งอยู่ที่บริเวณภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น ในภูมิภาคชูบุ และเมืองสึรุกะนี้ ก็ตั้งอยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางใต้ของจังหวัดฟุกุอิ และมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 6,600 คน และเมื่อถึงช่วงเวลาแห่งเทศกาลสึรุกะที่จะจัดขึ้นในต้นเดือนกันยายนของทุกๆปีนั้น เมืองที่เงียบสงบแห่งนี้ ก็เติมแต่งไปด้วยสีสันมากมาย ทำให้เทศกาลนี้ดูน่าสนใจ และดึงดูดใจสุดๆ บางทีอาจจะสามารถดึงดูดความสนใจจากมิกกี้เมาส์แห่งโตเกียวดิสนีย์แลนด์ได้เลยด้วยซ้ำนะ!

วิธีการเดินทางมายังเมืองสึรุงิ จังหวัดฟุกุอิ:
➤ จากโตเกียว:
ขึ้นรถไฟหัวกระสุนฮิการิ (Hikari) มายังสถานีมาอิบาระ (Maibara Station (米原駅)) และเปลี่ยนรถไฟไปยังรถไฟด่วนพิเศษชิราซางิ (Shirasagi) และไปลงที่สถานีสึรุกะ (Tsuruga Station (敦賀駅))

➤ จากโอซาก้า:
จากสถานีโอซาก้า (Osaka Station (大阪駅)) ให้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษทันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird) มาลงที่สถานีสึรุกะ (Tsuruga Station (敦賀駅))

➤ จากเกียวโต:
จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station (京都駅)) ให้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษทันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird) มาลงที่สถานีสึรุกะ (Tsuruga Station (敦賀駅))

เทศกาลสึรุกะ (Tsuruga Festival (敦賀祭り))



เทศกาลสึรุกะนี้ จัดขึ้นในทุกๆปีของต้นเดือนกันยายน และบางทีชาวเมืองก็เรียกเทศกาลนี้กันว่า “บากะมัตสึริ” (baka matsuri) เพราะว่าทุกๆคนที่มา ดูบ้าบอกันสุดๆเลยในช่วงเวลานี้ โดยปกติแล้ว การจัดเทศกาลงานต่างๆในประเทศญี่ปุ่น มักจะจัดขึ้นในฤดูร้อน เพราะว่าทั้งครอบครัวจะได้มาร่วมงานเทศกาลด้วยกันทั้งหมดได้ แต่ว่าเทศกาลสึรุกะนี้กลับจัดในช่วงเวลาที่พ้นการปิดภาคเรียนฤดูร้อนของเด็กๆมาแล้ว และโรงเรียนก็เปิดเรียนกันไปตามปกติแล้ว ถ้าจะเข้าร่วมละก็ เด็กๆสามารถลาเรียนได้ และผู้ใหญ่ก็สามารถลางานได้ด้วย เพื่อนๆพอจะเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมละ ว่าเทศกาลสึรุกะนี้ มันสำคัญต่อชาวเมืองฟุกุอิขนาดไหน โดยในเทศกาลก็จะมีกิจกรรมมากมายหลากหลายธีมต่างๆนานากันไป เป็นการสร้างสรรค์การแลกเปลี่ยนในเรื่องราวต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ต่างๆระหว่างแต่ละกลุ่มของคนในเมือง ดูๆแล้วไม่เหมือนกับเทศกาลอื่นๆที่จัดขึ้นในเมืองใหญ่ๆอย่างโตเกียว หรือเกียวโตเลยใช่ไหมละ



ในปีนี้เทศกาลเริ่มต้นขึ้นด้วยคานิวัล ยาวตลอดแนวถนนคากุระโจ (Kagura-cho Street (神楽町)) ในวันที่ 1 กันยายน ส่วนตัวงานเทศกาลจริงๆนั้น จะยังไม่เริ่มต้นจนกว่าจะถึงวันที่ 2 กันยายน และในวันแรกที่เริ่มต้นด้วยคานิวัลที่เหมือนเป็นการป่าวประกาศ หรือ “การแจ้งเตือน” ให้กับทุกๆคนได้ทราบ ได้เริ่มต้นด้วย โยอิยามะ จุนโก (Yoiyama Junko (宵山巡行)) ชาวเมืองฟุกุอิจะมีความคิดต่อโยอิยามะ จุนโกะ ว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากๆของเทศกาลสึรุกะ เพราะชาวเมืองจะเชื่อกันว่า หากไม่มีสิ่งนี้ เทศกาลก็จะเริ่มต้นไม่ได้เลยทีเดียว ลองดูไปที่การตกแต่งของขบวนเกี้ยวนี้สิ (จากที่เห็น เกี้ยวจะถูกยกลอยขึ้น ในภาษาญี่ปุ่นจึงเรียกการแห่เกี้ยวแบบนี้ว่า “dashi” 山車) ชาวเมืองจะเรียกกันว่า “โยอิยามะ” (Yoiyama) และบนเกี้ยวก็จะมีเด็กๆที่เต้นรำไปพร้อมๆกับเพลงญี่ปุ่นดั้งเดิมที่บรรเลงไป และในขณะเดียวกัน ก็จะแห่เกี้ยวมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้าเคฮิ (氣比神宮) เพื่อไปรับพรโดยพระจากนิกายชินโตที่นั่น จากนั้นก็จะทำการแห่ขบวนเกี้ยวนี้ไปวนรอบๆเมืองเลยละ

พวกเราได้เห็นอะไรแบบนี้มานิดหน่อยจากเทศกาลอื่นๆ แต่ว่ายังไม่เคยดึงโยอิชะ (Yoisha) หรืออะไรทำนองนี้แบบจริงๆมาก่อนเลย! โดยปกติแล้ว อะไรแบบนั้นคงจะเอาไว้ให้เฉพาะชาวเมืองไว้สำหรับการสักการะ หรือกิจกรรมประเพณีดั้งเดิมเท่านั้น แต่ว่าในความเป็นจริง ที่เมืองสึรุกะนี้ ยินดีต้อนรับทุกผู้ทุกคนที่มีความสนใจให้มาเข้าร่วมกันได้หมดเลยละ! โดยไม่สนว่าเพื่อนๆจะอาศัยอยู่ที่ใด หรือจะมาจากไหน –ทุกๆคน– สามารถสัมผัสกับประสบการณ์ในเทศกาลญี่ปุ่นแบบนี้ได้จริงๆ!! และนั่นแหละก็เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงได้เดินทางมาเข้าร่วมเทศกาลนี้ที่เมืองสึรุกะละ!









ในคืนนั้นพวกเราได้โอกาศอันดีพอดีที่จะได้เข้าร่วม และสัมผัสกับชาวเมืองท้องถิ่นที่นี่ ที่ขบวนพาเหรดเต้นรำพื้นเมืองยามค่ำคืนของเทศกาลสึรุกะ โดยในระหว่างการเดินขบวนพาเหรดนี้ แต่ละแขวงของเมืองสึรุกะ ก็จะแสดงถึงความเป็นตัวตนของแต่ละแขวงออกมาโดยการทำ “ขบวนแห่” เพื่อแห่และเต้นไปรอบๆเมือง พร้อมกับการใส่ชุดฮัปปิ (ハッピ; happi) ด้วยลักษณะที่ต่างๆกันไป และชุดยูกาตะก็ด้วย และในค่ำคืนนี้ก็มีการแสดงการเต้นรำพื้นเมืองทั้งหมด 3 ชุดด้วยกัน แต่ว่าก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยนะ เพราะเนื่องจากเรามาเข้าร่วมกับแขวงแขวงหนึ่งที่ทำการแสดงในเทศกาลนี้ พวกเขาก็สอนวิธีเต้นให้กับพวกเราละ!

ในค่ำคืนนี้มีประชาชนชาวเมืองรวมๆแล้วก็กว่า 3,000 คน มาเข้าร่วมในขบวนพาเหรดเต้นรำพื้นเมืองกันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว และนอกเหนือจากการเต้นรำแล้ว ก็ยังมีร้านแผงอาหารท้องถิ่นขายอยู่เยอะแยะไปหมดเลยละ แล้วยังมีมาสคอตที่เป็นไดโนเสาร์เดินไปเดินมารอบๆอีกด้วย ทั้งสนุกและคุ้มค่าสุดๆที่ได้มาเห็นมาเยี่ยมชมเลยละ~







ขบวนแห่ศาลเจ้าเคลื่อนที่ (神輿渡御; Mikoshi Togyo)

มิโคชิ (มักจะแปลได้ว่า “ศาลเจ้าเคลื่อนที่”) ใช้สำหรับการแห่พระเจ้าไปรอบๆเมืองในระหว่างที่อยู่ในเทศกาลชินโต พระเจ้าจะถูกย่อส่วนให้อยู่ในศาลเจ้าขนาดย่อส่วนนี้ และการขบวนการแห่นี้ก็จะมีแค่ในช่วงเทศกาลแบบนี้เท่านั้น โดยขบวนจะเคลื่อนไปรอบๆเมือง เพื่อไปหาผู้ที่กำลังเฉลิมฉลองกับเทศกาล และอยากจะขอพรกับพระเจ้า ประเพณีดั้งเดิมแบบนี้จะรู้จักกันในชื่อ “มิโคชิ โทเกียว” (Mikoshi Togyo (神輿渡御)) แล้วก็เช่นกัน ขบวนการแห่ศาลเจ้านี้จะคล้ายๆกับการเต้นรำพื้นเมือง ที่แต่ละแขวงก็จะมีเอกลักษณ์ของตนเองที่ต่างๆกันออกไป ส่วนแขวงที่พวกเราได้ไปเข้าร่วมด้วยนั้น มีการแต่งกายด้วยชุดสีขาวล้วน ที่มีการตกแต่งเป็นลายสีน้ำเงินหน่อยๆ พร้อมทั้งแห่มิโคชิของเด็ก และแม้ว่าจะเป็นมิโคชิของเด็ก แต่ก็หนักใช่เล่นเลยนะเนี่ย!! นี่พวกเขาทำกันมาหลายต่อหลายปีแล้วได้ยังไงเนี่ย







และหลังจากที่ได้รับโอกาสในการเปลี่ยนชุดเป็นชุดตามแบบประเพณีดั้งเดิมที่ฮอลล์รวมของแขวงแล้ว พวกเราก็ได้เริ่มต้นเข้าร่วมขบวนมิโคชิ โทเกียวกันแล้วละ! พวกเราได้แบกมิโคชิไปรอบๆเมืองเพื่อไปยังศาลเจ้าเคฮิ และยังมีการหยุดตามตึกรามบ้านช่องเพื่อโยนมิโคชินี้ขึ้นไปบนอากาศอีกด้วย และถ้าหากว่ามีใคร หรือบริษัทไหนที่ทำการบริจาคให้ พวกเขาจะแขวนกระดาษเกียรติยศสีขาวที่ได้มาจากพระ เอาไว้บนหน้าต่างของศาลเจ้า เมื่อผู้ที่แบกมิโคชิเห็น พวกเขาจะทำการโยนมิโคชิขึ้นบนอากาศ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ​ และเมื่อพวกเขาแห่กันไปถึงศาลเจ้าเคฮิแล้ว จะมีพิธีการสวดให้พรเล็กๆน้อยๆอยู่ จากนั้นพวกเราก็มาแบกมิโคชิกันไปรอบๆเมืองกันต่อ และในเทศกาลนี้ก็ยังมีโอกาสให้พวกเราได้ดื่มสาเกญี่ปุ่นกันอีกด้วย! ทุกอย่างเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมดั้งเดิมทั้งหมดเลยละ พอพวกเราได้ดื่มสาเกกันให้ชื่นใจแล้ว ก็ลืมเป็นปลิดทิ้งไปเลยว่าจริงๆแล้วมิโคชิมันหนักมากแค่ไหนน่ะ

จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆในจังหวัดฟุกุอิ – เรนโบว์ไลน์​ (Rainbow Line)





แล้วถ้าหากเพื่อนๆไปเที่ยวทางตอนใต้ของจังหวัดฟุกุอิในช่วงที่ไม่มีเทศกาลแล้ว จะไปไหนดีละ? พวกเราขอแนะนำที่นี่เลย เรนโบว์ไลน์​ (Rainbow Line) ในเมืองวากาซะ ลองขึ้นลิฟต์ไปยังยอดเขาของภูเขาบะอิโจดาเคะ (Mt.Baijodake) และไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสุดๆกับ ทะเลสาบมิกาตะทั้งห้า ดูสิ ทะเลสาบนี้จะประกอบไปด้วย ทะเลสาบมิกาตะ (三方湖), ทะเลสาบซุยเกะสึ (水月湖), ทะเลสาบซุกะ (菅湖), ทะเลสาบคุกุชิ (久々子湖) และทะเลสาบฮิรุกะ (日向湖) แล้วทำไมถึงต้องเรียกว่าเรนโบว์ไลน์ เพื่อนๆสงสัยกันอยู่ใช่ไหมละ ท่านเจ้าของได้อธิบายเอาไว้ว่า ทะเลสาบทั้งห้าที่นี่นั้น มีคุณภาพความเค็มในน้ำต่างกันอยู่ (มี 1 ทะเลสาบที่เป็นน้ำทะเล, 3 ทะเลสาบตรงกลางเป็นน้ำกร่อย (คือนำ้ทะเลผสมน้ำจืด) และอีก 1 ทะเลสาบที่เหลือเป็นน้ำจืด) ด้วยความต่างแบบนี้ ทำให้สีของน้ำในแต่ละทะเลสาบแตกต่างกันออกไปด้วย และเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังผิวน้ำของแต่ละทะเลสาบแล้ว จะเกิดเชดสีใหม่ๆของสีเขียวและน้ำเงินขึ้น ทำให้เกิดเป็น “สีรุ้ง” (Rainbow) นั่นเอง

และสิ่งที่พวกเราชื่นชอบมากๆเกี่ยวกับสถานที่นี่ก็คือ ไม่เพียงแต่ที่นี่จะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมายให้ทำกัน และที่นี่ก็ยังเป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับการมาเพลิดเพลินทำกิจกรรมต่างๆได้อีกด้วย มีตั้งแต่สวน, หินคู่รัก, ชิงช้า และเปลให้ได้ผ่อนคลายกัน ที่นี่ไม่เหมือนยอดเขาอื่นๆที่เราเคยเห็นกันมาก่อนเลยละ และสิ่งที่น่าสนุกที่น่ามาลองทำกันอีกสิ่งหนึ่งก็คือ การไปเยี่ยมชมคาวาราเกะ (かわらけ) ที่อยู่ใกล้ๆกับเทนงุ-โดะ (天狗堂) ไปเขียนคำขอพรบนจานดินเหนียวกัน จากนั้นก็โยนมันลงไปในทะเลสาบได้เลย! ไม่ต้องห่วงเรื่องจานว่าจะเป็นยังไง จะเป็นขยะไหมหลังจากที่โยนลงไปเลยนะ เพราะว่าจานนี้จะสามารถย่อยสลายเองได้เมื่อเจอฝนละ



✴Rainbow Line (レインボーライン )
18-2-2 Kiyama, Wakasa-cho, MikataKaminaka-gun, Fukui
Google Maps
⏰08:00 ~ 18:00 น.
*เวลาเปิดทำการอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลต่างๆได้ ดังนั้นขอให้เพื่อนๆลองตรวจสอบที่หน้าเว็บไซต์โฮมเพจกันก่อนนะ
💴ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก 600 เยน (อายุ 6-15 ปี) และส่วนลดสำหรับผู้พิการ 600 เยน
💻Rainbow Line homepage





เฮชิโกะ เป็นอาหารแห่งจิตวิญญาณที่ไม่สิ้นสุด และยังเป็นสินค้าแบบวัฒนธรรมดั้งเดิม ที่เมืองวาคาซะ และโอบามะ มีชื่อเสียงในจังหวัดฟุกุอิ เฮชิโกะ หรือปลาแม็กเคอเร็ลดองนี้ เป็นการดองที่ผสมผสานไปด้วยการหมักจากรำข้าว และน้ำเกลือ และหลายๆคนที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับจานอาหารแบบนี้ ก็อาจจะแบบ ว้าว นิดหน่อย ในหลายปีก่อน ปลาแม็กเคอเร็ลของจังหวัดฟุกุอินี้ มีการนำมารับประทานกันเป็นปกติ แต่เนื่องมาจากการจับปลาที่มากเกินไป ทำให้ตอนนี้มันแทบจะไม่มีอยู่ในฟุกุอิอีกแล้ว ฉะนั้นปลาแม็กเคอเรลที่นำมาทำเฮชิโกะและเสิร์ฟในจังหวัดฟุกุอินี้ ล้วนนำเข้ามาจากประเทศนอร์เวย์ทั้งสิ้น

ที่นี่ยังมีร้านอาหารอีกหลายร้านที่เพื่อนๆสามารถมาลองทานเฮชิโกะกันได้ แต่ว่าถ้าหน้าตาของเฮชิโกะมันแปลกๆไปหน่อย เพื่อนๆก็สามารถไปทานกันได้ที่ร้าน ออโรร่า (Aurora) เพราะที่นี่เพื่อนๆสามารถทานเฮชิโกะที่อยู่ในรูปแบบแซนด์วิชเฮชิโกะ, สปาเกตตี้เฮชิโกะ และคาร์ปาซโซเฮชิโกะได้เลย เพื่อนๆสงสัยกันหรือเปล่าว่าทำไมร้านอาหารนี้ถึงนำปลาแม็กเคอเร็ลดอง มาทำให้อยู่ในรูปแบบของคาร์ปาซโซน่ะ แน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลที่มีนั่นก็คือ ทางร้านอยากจะให้เด็กๆสามารถลองรับประทานกันได้ แต่ว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้น มันล้ำลึกกว่านั้นไปอีก คือ โดยดั้งเดิมแล้ว ผู้คนจะกินเฮชิโกะกันเป็นมื้ออาหารเช้า พร้อมกับข้าวสวยสักถ้วย หรือจะทานพร้อมกับขนมและเบียร์ก็ได้ ซึ่งมันก็ค่อนข้างจัดทำยากไปหน่อย ทำให้ผู้คนเริ่มไม่ชอบที่จะกินเฮชิโกะ และไม่ซื้อกินกันอีก เมื่อได้ยินดังนั้น จึงเกิดไอเดียขึ้นมา โดยนำเฮชิโกะนี้มาตัดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วทำเป็นแบบอาหารแนวตะวันตกมากขึ้น เพื่อที่จะทำให้ชาวเมืองได้เห็นถึงวิธีการใหม่ๆที่จะกินเฮชิโกะได้ ในแบบที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

✴Aurora (オーロラ )
33-44-1 Kugushi, Mihama, Mikata-ku, Fukui
Google Maps
⏰08:00 ~ 22:00 น.

อย่าลืมติดตามข่าวสารและบทความใหม่ๆทุกวันของพวกเราได้ที่ JAPANKURU🐶

หรือเพิ่มพวกเราบน Google+InstagramFacebook และแบ่งปันรูปภาพสไตล์ญี่ปุ่นของคุณกัน 💖🗾



พวกเราได้มีช่วงเวลาดีๆที่เพลิดเพลินไปกับเทศกาลสึรุกะอย่างสนุกสนานเต็มที่กันไปเรียบร้อยแล้ว!
แล้วเพื่อนๆละ มาลองร่วมเทศกาลในปีหน้าดูสักหน่อยดีไหมละ?!!

วิธีการเดินทางมายังเมืองสึรุงิ จังหวัดฟุกุอิ:
➤ จากโตเกียว:
ขึ้นรถไฟหัวกระสุนฮิการิ (Hikari) มายังสถานีมาอิบาระ (Maibara Station (米原駅)) และเปลี่ยนรถไฟไปยังรถไฟด่วนพิเศษชิราซางิ (Shirasagi) และไปลงที่สถานีสึรุกะ (Tsuruga Station (敦賀駅))

➤ จากโอซาก้า:
จากสถานีโอซาก้า (Osaka Station (大阪駅)) ให้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษทันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird) มาลงที่สถานีสึรุกะ (Tsuruga Station (敦賀駅))

➤ จากเกียวโต:
จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station (京都駅)) ให้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษทันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird) มาลงที่สถานีสึรุกะ (Tsuruga Station (敦賀駅))

Details

ACCESS:สถานี Tsuruga

Follow us @Japankuru on Facebook, Instagram, and Twitter!

  • facebook
  • line

COMMENT

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments

FEATURED MEDIA

VIEW MORE →

What are your plans for cherry blossom season this year? Have you seen all of our favorite cherry blossom destinations yet? 👀 🌸 
>> Find out more at Japankuru.com! (link in bio)
#🌸 #tokyo #tokyotrip #osaka #osakatrip #nagoya #nagoyatrip #cherryblossom #cherryblossoms #cherryblossomseason #sakura #sakuraseason #japancherryblossom #springinjapan #tokyotravel #japanspring #japaneseculture #japantrip #Japan #japantravel #traveljapan #japankuru

What are your plans for cherry blossom season this year? Have you seen all of our favorite cherry blossom destinations yet? 👀 🌸 >> Find out more at Japankuru.com! (link in bio) #🌸 #tokyo #tokyotrip #osaka #osakatrip #nagoya #nagoyatrip #cherryblossom #cherryblossoms #cherryblossomseason #sakura #sakuraseason #japancherryblossom #springinjapan #tokyotravel #japanspring #japaneseculture #japantrip #Japan #japantravel #traveljapan #japankuru

1|9

MAP OF JAPAN

SEARCH BY REGION →

    • ฮอกไกโด

      VIEW MORE →

      ฮอกไกโด อยู่ทางเหนือสุดจาก 4 เกาะหลักของญี่ปุ่น บริเวณนี้โด่งดังเรื่องเบียร์ซัปโปโร การผลิตและการกลั่นเบียร์ รวมถึงเทศกาลหิมะ และอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม และยังเหมาะกับเหล่านักชิมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งที่ปลูกในฮอกไกโด แคนตาลูป ผลิตภัณฑ์จากนม ซุปแกงกะหรี่ และมิโซะราเมน

    • นิกิ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด ห่างจากโอตารุประมาณ 30 นาที นิกิเป็นเมืองเล็กๆที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ ทำให้สวนผลไม้ของที่นี่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น เชอร์รี่ มะเขือเทศ และองุ่น มีโรงกลั่นไวน์ และกลายเป็นสถาที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารและไวน์ในเวลาไม่นาน

    • นิเซโกะ ห่างจากสนามบิน New Chitose ประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีรีสอร์ทในฤดูหนาวที่ดีที่สุด และยังเป็นจุดที่ชาวต่างชาติมักแวะมาเยี่ยมเยียน เพราะหิมะของที่นี่มีคุณภาพสูง นุ่มละเอียดดุจผงแป้ง ที่ไม่ว่านักสกี นักสโนว์บอร์ด รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ต้องกลับมาซ้ำ นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อย และออนเซ็นวิวสวยอีกด้วย

    • โอตารุ คือเมืองที่อยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางจากสถานีซัปโปโรประมาณ 30 นาที ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 กิจการการค้าขายและการประมงรุ่งเรืองมาก โดยอาคารที่สร้างในสมัยนั้นก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ย่านคลองโอตารุ ในปัจจุบัน เนื่องจากในอดีตที่นีเป็นศูนย์กลางของการประมง ทำให้มีร้านซูชิกว่า 100 ร้าน ให้เราได้เลือกชิมซูชิสดใหม่ ที่มีคนต่อแถวยาวบริเวณถนนซูชิ (Sushi Street)

    • SAPPORO

      VIEW MORE →

      ซับโปโร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด เป็นศูนย์กลางของการเมืองและเศรษฐกิจของฮอกไกโด มีสนามบินชินจิโตะเสะ (New Chitose Airport) ที่รองรับเที่ยวบินจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียว โอซาก้า และเที่ยวบินจากต่างประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลหิมะขึ้นที่สวนโอโดริ (Odori Park) หนึ่งในงานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของฮอกไกโด และยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย ทั้งราเมน เนื้อแกะย่าง ซุปแกงกะหรี่ และอาหารทะเล

    • โทโฮคุ

      VIEW MORE →

      โทโฮคุประกอบด้วย 6 จังหวัดที่อยู่ทางภาคอีสานญี่ปุ่น เป็นแหล่งปลูกพืชที่สำคัญ (แหล่งอาหารชั้นเยี่ยม) เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม พร้อมทั้งภูเขา ทะเลสาบ และแหล่งออนเซ็น

    • ฟุกุชิมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุชิมะ อยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ และแบ่งออกเป็น 3 เขตใหญ่คือ ฮามะโดริ (ชายฝั่ง) นากะโดริ (ตอนกลางของจังหวัด) และไอซุ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยเอโดะ อุทยานแห่งชาติโอเซะ ราเมคิตะคะตะ Bandai Ski Resort (พาวเดอร์สโนว์) เป็นจังหวัดที่สามารถเที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดู

    • ยามากาตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดยามากาตะ อยูในภูมิภาคโทโฮคุ หรือภาคอีสานของญี่ปุ่น ผู้คนนิยมไปเที่ยวในฤดูหนาว แช่ออนเซ็นและเล่นสกี โดยเฉพาะที่ Zao Onsen Ski Resort และที่ Gassan Ski Resort ชมความงามของหิมะที่ปกคลุมต้นไม้ จนหลายคนเรียกว่าปีศาจหิมะ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป เช่น วัด Risshakuji หรือวัด Yamadera, Ginzan Onsen ออนเซ็นบนถนนเก่าแก่ และทะเลสาบโอคามะ บนเขาซาโอะ นอกจากนี้ยังมีเนื้อโยเนซาวะ 1 ใน 3 อันดับเนื้อวากิวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น

    • อาคิตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดอาคิตะ อยู่บริเวณทะเลญี่ปุ่น ทางตอนเหนือสุดของภูมิภาคโทโฮคุ มีสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้มากที่สุดในญี่ปุ่น เช่น ประเพณีนามะฮาเกะ ที่แหลมโอกะ (ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ว่าเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้) และเทศกาลคันโต เทศกาลชื่อดังของภูมิภาคโทโฮคุ

    • คันโต

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในญี่ปุ่น ประกอบด้วย 7 จังหวัดคือ กุมมะ โทจิกิ อิบารากิ ไซตามะ โตเกียว ชิบะ และคานากาวะ ศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจ ความสนุกสนาน ความบันเทิงที่พบได้จะมีตั้งแต่ออนเซ็น สวนสนุก ธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบระยะสั้นเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืน

    • กุนมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดกุนมะ เดินทางสะดวก มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เช่น โอเสะ น้ำตกฟุกุวาเระ รวมถึงแหล่งออนเซ็นชื่อดัง (คุซัตสึ, อิกาโฮะ, มินาคามิ, ชิมะ) จนถูกเรียกว่าเป็นเมืองออนเซ็น และยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และคนรักรถไฟอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรงไหมโทมิโอกะ สะพานเมกาเนะบาชิ และทางรถไฟวาตาระเสะเคโคคุ

    • โตเกียว

      VIEW MORE →

      โตเกียว (東京) เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งความทันสมัย ตึกสูงเสียดฟ้า และผู้คนจำนวนมาก แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ทั้งพระราชวังอิมพีเรียล ย่านอาซากุสะ และยังเป็นเมืองอันดับต้นๆของโลกที่โดดเด่นในเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะ แฟชั่น เกมส์ เทคโนโลยี การคมนาคม และอื่นๆอีกมากมาย

    • โทจิกิ

      VIEW MORE →

      จังหวัดโทจิกิ มีเมืองสำคัญคือเมืองอุสึโนมิยะ ที่มีเกี๊ยวซ่าอันโด่งดัง และอยู่ห่างจากโตเกียวเพียง 1 ชั่วโมง มีธรรมชาติที่สวยงามให้ชมตลอดปี ตั้งแต่ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ไปจนถึงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นิกกโก เมืองมรดกโลก ศาลเจ้าโทโชกุ ทะเลสาบชูเซ็นจิ สวนดอกไม้อะชิคากะ (ดังเรื่องดอกวิสทีเรีย) รวมถึงเมืองนาซุ ที่เป็นที่นิยมในการท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการที่เป็นที่แปรพระราชฐานของจักรพรรดิญี่ปุ่น

    • ชูบุ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคชูบุ ตั้งอยู่บริเวณกลางประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ ไอจิ ฟุกุอิ กิฟุ อิชิคาว่า นางาโนะ นีกาตะ ชิซูโอกะ โทยาม่า และยามานาชิ บริเวณนี้มีชื่อเสียงเรื่องภูเขา โดยเฉพาะภูเขาไฟฟูจิ และเจแปนแอลป์ สกีรีสอร์ทในจังหวัดนางาโนะและจังหวัดนีกาตะ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูหนาว

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดชิซึโอกะ อยู่ตรงกลางระหว่างภาคตะวันตกและตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้ไม่ว่าจะเดินทางจากโตเกียวหรือโอซาก้าก็สะดวก มีธรรมชาติที่สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ ทะเลสาบฮามานาโกะ หุบเขาสุมาตะ คาบสมุทรอิซุ (แหล่งออนเซ็นอะตามิ อิโตะ ชิโมดะ ชูเซ็นจิ และโดกะชิมะ) นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยังมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของตะกูลโทกุกาว่า มีเมนูขึ้นชื่อคือปลาไหล เกี๊ยวซ่าของฮามามัตสึ และชาเขียวคุณภาพดี

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดนากาโนะ เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่นปราสาทคุมาโมโต้ วัดเซ็นโคจิ ศาลเจ้าโทกะคุชิ รวมถึงไฮไลท์ก็คือ เจแปนแอลป์ ผลไม้ของนากาโนะก็เป็นอีกอย่างที่มีชื่อเสียง ซึ่งเห็นได้จากสวนผลไม้ที่มีกิจกรรมให้เก็บผลไม้หลายชนิด และแหล่งออนเซ็นอย่าง Jigokudani ลิงแช่ออนเซ็น การเดินทางไปยังนากาโนะก็แสนง่าย เพราะมีรถไฟชินคันเซ็น โฮคุริคุ จากโตเกียวไปถึงนากาโนะ และเมื่อปี 1998 มีการจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่นากาโนะ ทำให้สกีรีสอร์ทที่ ฮาคุบะและชิกะโคเก็น กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

    • นาโกย่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดไอจิ ตั้งอยู่ใจกลางประเทศญี่ปุ่น มีเมืองนาโกย่าเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ไอจิเป็นเมืองอุตสาหกรรม และยังบ้านเกิดของรถยี่ห้อโตโยต้า มีพร้อมทั้งทะเลและภูเขา เช่น เกาะซาคุ หาดโคอิจิกาฮามะ เขาโฮราอิจิ ในอดีตเป็นเวทีในการต่อสู้ เช่น ในสมัยเซ็นโกคุ โอดะ โนบุนากะ, โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และโทกุกาว่า อิเอยาสุ ก็ได้ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ที่นี่ เช่น ปราสาทนาโกย่า ปราสาทอินุยามะ รวมถึงเมจิมูระ

    • นีงะตะ

      VIEW MORE →

      จ.นีงะตะตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู ติดกับทะเลญี่ปุ่น เต็มไปด้วยของขวัญจากธรรมชาติ มีสกีรีสอร์ตชื่อดังอย่างเช่น Echigo-Yuzawa อุทยานแห่งชาติ ออนเซ็นธรรมชาติ ซีฟู้ดสดใหม่ ข้าวญี่ปุ่น และสาเก นักท่องเที่ยวนิยมพักผ่อนในเมืองนีงะตะ และเกาะซาโด

    • คันไซ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคคันไซประกอบด้วยจังหวัดมิเอะ นารา วากายาม่า เกียวโต โอซาก้า เฮียวโกะ และชิกะ เมืองหลวงเก่าอย่าเกียวโตก็อยู่ในภูมิภาคคันไซ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของญี่ปุ่น ทั้งวัดและศาลเจ้าที่เกียวโต ปราสาทโอซาก้า และกวางที่นารา อีกทั้งผู้คนในแถบคันไซยังเป็นมิตร จึงเหมาะกับการเป็นสถานที่พักผ่อน

    • นารา

      VIEW MORE →

      จังหวัดนารา เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในอดีต ช่วงยุคนารา หรือราวค.ศ 710 ในช่วงที่นาราเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้นถูกเรียกว่า "เฮโจเกียว" และยังเป็นเส้นทางสายไหม ที่เฟื่องฟูไปยังนานาชาติและผลิตสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมมากมาย สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังนาราก็คือ สวนนารา ที่เต็มไปด้วยกวาง การปีนเขาโยชิโนะ และจุดชมซากุระ

    • เกียวโต

      VIEW MORE →

      เกียวโต เคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นตั้งแต่ปีค.ศ.794-1100 ที่เป็นศูนย์กลางในด้านการเมืองและวัฒนธรรม ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นถนนกิอง วัดทอง วัดน้ำใส และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง แม้แต่ป่าไผ่อาราชิยาม่าอันโด่งดัง ที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชมความงาม ที่หมุนเวียนไปตลอดทั้ง 4 ฤดู

    • โอซาก้า

      VIEW MORE →

      โอซาก้า เป็นเมืองที่ผู้คนเป็นมิตรและมีแต่ความสนุกสนาน แต่ประวัติศาสตร์ของที่นี่ไม่ได้สนุกเหมือนกับในปัจจุบัน เพราะโอซาก้านั้นมีส่วนสำคัญในการรวมญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 16 ทำให้โอซาก้าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่น มีเมนูอาหารชื่อดัง จนได้ชื่อว่าเป็น "ครัวของญี่ปุ่น" ในปัจจุบันโอซาก้าเป็นต้นแบบของญี่ปุ่นตะวันตก ที่มาพร้อมกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทโอซาก้า แหล่งช้อปปิ้งย่านอุเมดะอย่าง Grand Front Osaka และ Abeno Harukas โอซาก้าเป็นสวรรค์ของนักชิม มาพร้อมกับเมนูขึ้นชื่อย่าง ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ และคุชิคัตสึ รวมถึงเป็นที่ตั้งของสวนสนุก Universal Studios Japan อีกด้วย

    • ชูโกกุ

      VIEW MORE →

      ชูโกกุ ประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ ฮิโรชิม่า โอคายาม่า ชิมาเนะ ทตโตริ และยามากุจิ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคือ เนินทราย (ทตโตริ) และ สวนสันติภาพ (ฮิโรชิม่า) และเมื่อข้ามน้ำไปยังชิโกกุที่มีด้วยกัน 4 จังหวัดคือ เอฮิเมะ คากาวะ โคจิ และโทคุชิม่า ขึ้นชื่อเรื่องอุด้ง (คากาวะ) และโดโกะออนเซ็น (เอฮิเมะ)

    • ฮิโรชิม่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดฮิโรชิม่า มีทั้งแหล่งมรดกโลก ธรรมชาติ และอาหารอร่อย สามารถนั่นเครื่องบินจากโตเกียวโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ครึ่ง และนั่งรถไฟ 4 ชั่วโมง มีแหล่งมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO 2 แห่ง คือ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะบนเกาะมิยาจิมะ และ Atomic Bomb Dome นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลจากทะเลในเซโต โดยเฉพาะหอยนางรม โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า เลมอเซโตอุจิ และธรรมชาติที่สวยงามสะกดสายตา

    • ชิโกกุ

      VIEW MORE →

      On the other side of the Seto Inland Sea opposite Japan’s main island, Shikoku (四国) is a region made up of four prefectures: Ehime, Kagawa, Kochi, and Tokushima. The area is famous for its udon (in Kagawa), and the beautiful Dogo Onsen hot springs (in Ehime).

    • คากาวะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดคากาวะ อยู่ทางตอนเหนือของเกาะชิโกกุ ติดกับเกาะหลักของญี่ปุ่นและทะเลในเซโต เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น มีซานุกิอุด้งชื่อดัง จนทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า เมืองอุด้ง มีศาลเจ้าโกโตฮิรากุและสวนริสึริน ว่ากันว่าหากมองไปที่ Zenigata Sunae หรือภาพวาดจากทราย จะทำให้ไม่ขัดสนเรื่องเงินตลอดไป

    • คิวชู

      VIEW MORE →

      เกาะคิวชู ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น มีด้วยกัน 7 จังหวัด คือ ฟุกุโอกะ ซากะ นางาซากิ คุมาโมโต้ โออิตะ มิยาซากิ และคาโกชิม่า เกาะนี้มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากที่อื่น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากจีนและฮอลันดา เข้ามาทำการค้าในสมัยก่อน โดยมิชชันนารีเข้ามาทางท่าเรืองในจ.นางาซากิ และต้องขอบคุณการระเบิดของภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ที่ทำให้ที่นี่มีพร้อมทั้งวิวทิวทัศน์ ธรรมชาติ อาหาร แหล่งออนเซ็นที่สวยงาม

    • คาโกชิม่า

      VIEW MORE →

      คาโกชิมะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสิ่งใหม่ๆของญี่ปุ่น โดยมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงในอดีต เช่น ซามูไร ไซโกะ ทาคาโมริ และ โอคุโบะ โทชิมิจิ ผู้ผลักดันญี่ปุ่นจากยุคเอโดะมายังยุคเมจิ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ สวนเซ็นกันเอ็น ภูเขาไฟซากุระจิมะ ออนเซ็นอิบุสุกิ ออนเซ็นคิริชิมะ เกาะยาคุชิมะ แหล่งมรดกโลก หรือเกาะอะมามิโอชิมะ เกาะที่ว่ากันว่าอยู่ใกล้สวรรค์มากที่สุด แม้จะตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะหลัก แต่คาโกชิมะก็เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่รอให้ไปชมมากมาย

    • ฟุกุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นเมืองที่มีประชากรอยู่มากที่สุดในภูมิภาคคิวชู มี 2 เมืองใหญ่คือ ฟุกุโอกะและคิตะคิวชู การท่องเที่ยวในฟุกุโอกะนั้นสะดวกสบาย ทำให้สามารถไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าดาไซฟู เท็นมังกุ มตสึนาเบะ(หม้อไฟเครื่องใน) ไข่ปลาเม็นไทโกะ(ไข่ปลาคอตรสเผ็ด) และราเมนฮากาตะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเหมาะกับทั้งคนที่ชอบช้อปปิ้ง และชอบธรรมชาติ

    • โอกินาว่า

      VIEW MORE →

      เกาะโอกินาว่านั้นอยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นส่วนที่ร้อนที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จากในอดีตที่มีการปกครองตนเอง และเหตุการณ์ทางการเมือง และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้โอกินาว่าที่วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีวัฒนธรรมจากอาณาจักรริวกิวหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภาษา เสื้อผ้า นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของคาราเต้อีกด้วย

MOST POPULAR

RELATED ARTICLES

PARTNERS