รีบไปก่อนแมสกับ Grand Hammer ชิมบาชิ สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งเกอิชา ดนตรีญี่ปุ่น และมื้ออาหารไม่เหมือนใครในโตเกียว
บทความนี้มีเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน
เยือนจุดหมายใหม่แห่งการกินดื่มและความบันเทิงในโตเกียว! พบกับเกอิชาตัวจริงเสียงจริง ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศจากทั่วญี่ปุ่น ดื่มด่ำไปกับการแสดง และสัมผัสประสบการณ์ผ่อนคลายแบบไร้แรงโน้มถ่วง ทั้งหมดนี้อยู่ใจกลางโตเกียว! (เข้าฟรี!)
CONTENTS
แกรนด์แฮมเมอร์ แลนมาร์คใหม่ย่านชิมบาชิ
ย่านชิมบาชิ(หรือบางคนก็เรียกว่าชินบาชิ) ย่านที่นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนมองข้าม
ด้วยภาพลักษณ์ของย่านที่เต็มไปด้วยตึกสำนักงานเรียงรายของ “ชิมบาชิ” ทำให้นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนมองข้ามเพราะคิดว่าเรียบง่ายไร้สีสัน และภาพจำของสถานีชิมบาชิคือสถานีทางผ่านก่อนมุ่งไปยังจุดหมายที่น่าสนใจกว่าอย่างกินซ่า แต่ย่านชิมบาชิแห่งนี้ไม่ได้จืดชืดอย่างที่หลายคนคิด กลับเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แบบฉบับท้องถิ่น ในช่วงกลางวันจึงเป็นสวรรค์สำหรับนักกินนักช้อปและเป็นย่านพักผ่อนหลีกหนีฝูงชน ส่วนกลางคืนก็เต็มไปด้วยแสงสีและบาร์สุดปังในโตเกียว
สิ่งที่มาเติมเต็มย่านชิมบาชิแห่งนี้ให้มีสีสันมากยิ่งขึ้นก็คือ “แกรนด์แฮมเมอร์(Grand Hammer)” ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา และบอกเลยว่าการมีอยู่ของแกรนด์แฮมเมอร์อาจทำให้ย่านชิมบาชิกลายเป็นย่านลับที่ดีที่สุดในโตเกียว ภายในอาคาร 9 ชั้นแห่งนี้ มีร้านรวงกว่า 20 ร้านที่ผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมและความสนุกสนานเกินพิกัดได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร บาร์ การแสดงสด และประสบการณ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่หาไม่ได้จากที่ไหน รวมถึงการตกแต่งอาคารภายนอกก็สะดุดตาชวนเชื้อเชิญให้เข้าไปดูภายใน (สามารถเดินเข้าไปเลือกดูร้านอาหารข้างในได้เลย ไม่มีค่าเข้าอาคารค่ะ) ที่สำคัญคือเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเสิร์ฟความอร่อย ความบันเทิง และความผ่อนคลายที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในทุก ๆ วัน
วันนี้ JAPANKURU ขอพาเข้าตึกไปดูไฮไลท์บางส่วน อยากให้ทุกคนได้เห็นและรีบไปก่อนที่ที่นี่จะแมส!
ชิมบาชิ แกรนด์แฮมเมอร์ (Shinbashi Grand Hammer / 新橋グランハマー)
ที่อยู่: 2-8-5 Shinbashi, Minato City, Tokyo
เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน (เวลาเปิด-ปิดของแต่ละร้านค้าอาจแตกต่างกันไป)
เว็บไซต์ทางการ (jp)
ทานอาหารแบบบันเทิง ๆ พบกับมนต์เสน่ห์แห่งเกอิชา ความตื่นเต้นจากนักดำน้ำ และวงดนตรีญี่ปุ่นดั้งเดิม
แกรนด์แฮมเมอร์ได้นำคอนเซปต์ “มื้อค่ำพร้อมการแสดง” พร้อมยกระดับให้เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการรวมเอาทั้งความอร่อยและความบันเทิงเข้าไว้ด้วยกันในที่เดียว สัมผัสประสบการณ์พิเศษสุดดั้งเดิมแบบนี้ได้ที่ร้านเบนิสึยะ (Benitsuya) บนชั้น 6 เพราะเราจะได้พบกับเกอิชาตัวจริงเสียงจริงจากโตเกียว! นักเอนเตอร์เทนชั้นเยี่ยมที่ไม่เพียงแสดงเก่ง แต่ยังชวนคุยสร้างความสนุกสนานให้เราได้อย่างยอดเยี่ยม ที่พิเศษคือไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรือจะนั่งอยู่ส่วนไหนของเบนิสึยะ เหล่าเกอิชาก็จะเข้าไปพูดคุยกับทุกคนตลอดมื้ออาหารเลย ในส่วนของอาหารเราจะได้ลิ้มลองอาหารสุดหรูรสเลิศ อย่างเช่นซาชิมิสดใหม่และเนื้อวากิว เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มอย่างสาเกหรือวิสกี้ญี่ปุ่นหาดื่มยาก หลังจากพูดคุยกับเกอิชาและทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เกอิชาจะขึ้นแสดงระบำญี่ปุ่นดั้งเดิม* ก่อนปิดท้ายด้วยการแสดงการละเล่นญี่ปุ่นสุดคลาสสิก ที่เราสามารถร่วมเล่นด้วยได้! ต่อให้เล่นแล้วจะแพ้หรือชนะ การได้ลองแข่งขันใกล้ชิดกับเกอิชาที่แต่งตัวจัดเต็มในชุดกิโมโนแบบนี้ก็เป็นกิจกรรมที่พิเศษสุด ๆ ไปเลย!
*การแสดงของเกอิชา มีวันละ 3 รอบ คือ 17:00 น.~ / 19:00 น.~ / 21:00 น.)
ลองลงไปดูชั้นใต้ดินกันบ้าง ที่ชั้นใต้ดินจะได้พบกับร้านอามะโจ (Amajoh) ที่มีความเก๋ไก๋ เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นในมุมที่อาจไม่ได้หรูหราเหมือนเกอิชา แต่ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลย ชื่อร้านอามะโจ มาจากคำว่า “อามะ” แปลว่านักดำน้ำหญิงที่ดำน้ำโดยไม่ใช้เครื่องช่วยหายใจ อาศัยใช้ทักษะเฉพาะตัวในการจับอาหารทะเล(บางครั้งก็จับหอยมุกด้วย) เป็นอาชีพที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณกว่า 2,000 ปีจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น และภายในร้านก็ได้รับการตกแต่งโดยได้แรงบันดาลใจมาจากกระท่อมพักผ่อนของนักดำน้ำหญิง แม้ว่าในช่วงหลังผู้ที่ประกอบอาชีพนักดำน้ำอามะจะลดลง แต่ที่อามะโจก็ยังคงดำเนินการสนับสนุนนักดำน้ำรุ่นใหม่ ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับวัฒนธรรมการดำน้ำแบบอามะ ในทุก ๆ คืน*มีจัดโชว์ดำน้ำของนักดำน้ำอามะที่จะดำดิ่งลงสู่อ่างขนาดใหญ่ใจกลางร้าน พร้อมมีช่วงเวลา Q&A ให้เราได้พูดคุยโต้ตอบกับนักดำน้ำด้วย
การแสดงว่าเด็ดแล้ว ในส่วนของเมนูอาหารก็เด็ดไม่แพ้กัน กับชุดเช็ตชาบูและปิ้งย่าง ที่บอกเลยว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ (ห้ามพลาดหอยตัวโตและกุ้งมังกรหิน) รวมถึงยากินิกุเนื้อวากิวนุ่มลิ้นละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมผักสดไม่อั้น
หากใครที่กำลังมองหาประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นสดใหม่และวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมที่หาชมยาก ต้องแวะมาที่ร้านนี้แล้ว!
*มีการสาธิตการดำน้ำโดยนักดำน้ำหญิง ทุก ๆ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 17.30-22.30 น.
มาดูร้านสำหรับใครที่อยากทานอาหารแบบเบา ๆ กันบ้าง ที่ชั้น 1 และชั้น 2 ของแกรนด์แฮมเมอร์แห่งนี้เป็นพื้นที่ของชิมบาชิ โยโกโช(Shinbashi Yokocho) ร้านอาหารที่ตกแต่งชวนให้นึกถึงบาร์ตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ของญี่ปุ่น พร้อมตัวเลือกอาหารที่หลากหลาย
ที่บริเวณชั้น 1 เปรียบเป็นสวรรค์ของคนรักอาหารญี่ปุ่น เพราะมีเมนูอาหารญี่ปุ่นจากทั่วประเทศ ตั้งแต่เมนูคลาสสิกจากอิซากายะอย่างซาชิมิ ไปจนถึงเมนูของกินเล่นส่งตรงจากโอซาก้าอย่างคุชิคัตสึทอดกรอบ ส่วนบนชั้น 2 มีเมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทั่วทั้งเอเชีย มีทั้งอาหารเกาหลี อาหารจีน ที่สำคัญคือมีอาหารไทยด้วย หากเมนูมันเยอะไปหมดจนเลือกไม่ถูก ลองถามพนักงานให้เขาช่วยแนะนำได้เลย
ที่ร้านนี้ยังมีโชว์พิเศษจาก “nightly festivals” วงดนตรีเดินสาย ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องดนตรีญี่ปุ่นถึง 3 ชิ้น คือกลองไทโกะ ชามิเซ็น และขลุ่ยญี่ปุ่น โดยวงดนตรีนี้จะเดินไปทั่วทั้งบริเวณสองชั้นของร้าน รวมถึงไปตามร้านต่าง ๆ ในแกรนด์แฮมเมอร์เพื่อส่งความสนุกของดนตรีญี่ปุ่นให้ทุกคนด้วย นอกจากจะแวะเดินสายไปทั่วแกรนด์แฮมเมอร์แล้ว วงจะหยุดแสดงตามจุดสำคัญต่าง ๆ อย่างตรงเวทีกลางของร้านเพื่อโชว์เดี่ยวของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น เรายังสามารถสัมผัสประสบการณ์เทศกาลญี่ปุ่น เช่น การเต้นรำอาวะโอโดริ ขบวนแห่โออิรัน และการเต้นรำสิงโตได้เช่นกัน (การแสดงแล้วแต่วันตามตารางที่จัดไว้)
กิจกรรมญี่ปุ่นยามค่ำคืน: การแสดง เครื่องดื่ม และตู้คีบ
มาต่อกันที่วิถีชีวิตยามค่ำคืนในย่านชิมบาชิกับ The Grand Tokyo โรงละครที่ชั้น 3 ของแกรนด์แฮมเมอร์ รันเวย์อันโดดเด่นของเหล่านักแสดงยอดฝีมือ ที่โรงละครแห่งนี้เตรียมโชว์ที่หลากหลายรูปแบบ ทุก ๆ วันอังคารมีการแสดงดนตรีสด Jazz Night หรือวาไรตี้โชว์ HAMMER the JUMBLE ทุกวันพฤหัสบดี(จำเป็นต้องจองล่วงหน้า) จากฝีไม้ลายมือการกำกับโชว์ของโปรดิวเซอร์ Kenichi Ebina ผู้ชนะรายการ America’s Got Talent ในโชว์นี้มีทั้งนักเต้น นักดนตรีและการแสดงอีกมากมายรอเราอยู่!
ในวันที่ทีมงาน JAPANKURU แวะไปในวันพฤหัสบดีพอดี เลยมีโอกาสได้ชม HAMMER the JUMBLE นี้ บอกเลยว่าเหล่านักแสดงเป็นนักแสดงที่มีทักษะพิเศษและเป็นเอกลักษณ์แบบสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นโชว์เคนดามะ(ของเล่นญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นไม้ยาวและมีลูกบอลติดอยู่กับเชือก) โชว์กายกรรมตัวอ่อน รวมถึงการแสดงของ Kenichi Ebina โปรดิวเซอร์เองด้วย
หากยังไม่ได้ทานอะไรมาก็สามารถสั่งอาหารมาทานระหว่างดูโชว์ได้ หรือจะดื่มค็อกเทลหรู ๆ ที่ทำจากซานโซ(เครื่องเทศญี่ปุ่นรสเผ็ดซ่าที่มีกลิ่นหอมสดชื่น)สักแก้วก็คงเพลินไม่น้อยเลย
รูปบน: HAMACLUB / รูปล่าง: HAMACOM
เบื่อโชว์แล้ว อยากนั่งคุยกับเพื่อนเฉย ๆ ? ที่แกรนด์แฮมเมอร์มีบาร์หลายร้านให้เลือก อย่างเช่น แฮมเมอร์คลับ (HAMACLUB) บนชั้น 5 ที่ทุกคนจะต้องตกตะลึงกับตู้คีบตุ๊กตาหรือตู้คีบกู๊ดส์ของอนิเมะที่เรียงรายอยู่ทั่วร้าน ยกแก้วเครื่องดื่มในมือ รีเควสเพลงโปรดจากดีเจ แล้วลองคีบของที่ระลึกในตู้ดูกัน หรือใครที่ชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ที่นี่ยังมีร้านคาราโอเกะ แฮมเมอร์คอม (HAMACOM) ที่ชั้น 6 ภายในร้านตกแต่งอย่างหรูหรา มีธีมตามแต่ละห้องเช่นห้องธีมภูเขาไฟฟูจิ ห้องธีมซูโม่ ซึ่งเราสามารถเลือกห้องตามจำนวนคนที่มาและราคาได้เลย
พักผ่อนจากโตเกียว นั่งรถลาก ดื่มชาเขียว นอนบนเก้าอี้นวดไร้แรงโน้มถ่วง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโตเกียวเป็นเมืองพลุกพล่านจนบางครั้งเราก็หมดพลังได้ง่าย ๆ แถมยังหาที่พักผ่อนสบาย ๆ ได้ยากอีก จะไปหาคาเฟ่นั่งชิลชมวิวสวย ๆ ก็คนแน่นแทบทุกที่ แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ ที่แกรนด์แฮมเมอร์มีตัวเลือกการพักผ่อนที่ไม่เหมือนใครให้เราได้ เริ่มจากร้านทาทามิ (Tatami) บนชั้น 8 คาเฟ่/บาร์ตกตแต่งด้วยทาทามิหรือเสื่อญี่ปุ่นสีเขียวสด อบอุ่นด้วยแสงไฟสีนวล ๆ ที่นี่มีเสิร์ฟเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นตั้งแต่เช้าจรดเย็น ช่วงค่ำสามารถมาดื่มด่ำกับเหล้าสาเกญี่ปุ่นหรือวิสกี้ญี่ปุ่นชั้นดี ส่วนช่วงกลางวันขอแนะนำให้ลองเมนูมัทฉะและขนมหวาน รับรองว่าที่นี่จะมอบบรรยากาศสุดแสนผ่อนคลาย อาจยิ่งกว่าคาเฟ่ยอดนิยมในกินซ่าที่อาจต้องต่อคิวรอเป็นชั่วโมงก็ได้นะ
หรือถ้าแค่นั่งพักเฉย ๆ หลังจากเดินเที่ยวในโตเกียวมากว่า 30,000 ก้าวยังรู้สึกไม่เพียงพอ แนะนำให้ไปที่ O2 Plage บนชั้น 7 ที่นี่ถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจในวันที่เมื่อยล้า มีทั้งห้องซาวน่าและห้องพักผ่อนส่วนตัวที่มีโซฟานุ่มสบายพร้อมห้องอาบน้ำ และอีกหนึ่งโซนซึ่งเป็นโซนโปรดของทีมงาน JAPANKURU เลย ก็คือเจ้าเก้าอี้นวด ที่นอกจากจะนวดได้ทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว ยังมีโหมด “ไร้แรงโน้มถ่วง” ที่เก้าอี้จะเอนและโยกไปมาเบา ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนลอยอยู่ในอากาศ อีกหนึ่งฟังก์ชันคือเก้าอี้นี้สามารถปล่อยออกซิเจนเข้มข้น ช่วยเติมพลังให้เราพร้อมกลับไปลุยกับการผจญภัยในโตเกียวแบบเฟรช ๆ
อีกหนึ่งการพักผ่อนที่อาจทำให้ใจเราเต้นแรงตึกตักแม้จะนั่งสบาย ๆ บนเบาะ เพราะนี่คือการนั่งรถลากสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น (Jinrikisha) จากหน้าตึกแกรนด์แฮมเมอร์ไปรอบ ๆ ย่านชิมบาชิ การเดินทางด้วยรถลากแบบนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ในบางย่านของโตเกียวอย่างเช่นแถวอาซากุสะ แม้หลาย ๆ คนคงไม่ได้นึกถึงการนั่งรถลากในย่านชิมบาชิเท่าไรนัก แต่ที่นี่เราก็สามารถนั่งชิลบนเบาะนุ่ม ๆ พร้อมชมวิวตึกสูง ทางรถไฟ และวิถีชีวิตของผู้คนที่เดินสัญจรไปมา เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสเสน่ห์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ผสมผสานทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยได้อย่างลงตัว
ความพิเศษของการนั่งรถลากนี้ก็คือเราสามารถพูดคุยกับคนลากและอาจปรับเปลี่ยนเส้นทางได้ตามความต้องการ ส่วนรูทที่เป็นที่นิยมมีทั้งหมด 2 รูทคือรูทสั้นบริเวณรอบชิมบาชิ นั่งชมบาร์ไฟลอดทางรถไฟ หรือจะเป็นรูทยาวไปถ่ายรูปสวย ๆ ใต้โตเกียวทาวเวอร์ สำหรับใครที่ไม่รู้จะไปเส้นทางไหนก็จะขอแนะนำเป็นสองเส้นทางนี้เลย
หลังจากใช้เวลาที่แกรนด์แฮมเมอร์อย่างจุใจและพร้อมเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปในโตเกียวแล้ว คนขับสามารถแนะนำเส้นทางที่พาเราไปยังอาซากุสะ(ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) ผ่านจุดแลนมาร์คสำคัญของญี่ปุ่นอย่างอากิฮาบาระและอุเอโนะระหว่างทาง หรือจะให้พาไปส่งที่โรงแรมก็ได้นะ ไม่ต้องพึ่งแท็กซี่เลย!
เพิ่มประสบการณ์การทานอาหารสุดยูนีคในโตเกียวให้กับทริปญี่ปุ่นของเรา!
ชิมบาชิอาจเป็นศูนย์กลางการเดินทางสะดวกสบาย และเป็นที่จดจำในฐานะสถานทีที่อยู่ใกล้กับสถานีกินซ่าและสถานีโตเกียว แต่หากได้ลองแวะมาที่ย่านนี้แล้ว จะพบว่าที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอัญมณีล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ในโตเกียว และแกรนด์แฮมเมอร์เองก็เปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามแห่งใหม่ของย่านนี้ด้วย
ให้เราได้สัมผัสประสบการณ์สุดเก๋ ไม่ว่าจะเป็นการได้ทานอาหารพร้อมพูดคุยกับเกอิชา หรือชมการสาธิตการดำน้ำของนักดำน้ำหญิงอย่างใกล้ชิด ที่บอกเลยว่าบันเทิงกว่าใครและที่ไหนในโตเกียว นอกจากร้านที่ JAPANKURU ได้แนะนำในบทความนี้แล้ว ภายในแกรนด์แฮมเมอร์แห่งนี้ยังมีอีกหลายร้านที่เรายังไม่ได้พูดถึง กำลังรอให้ทุกคนได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าไม่ว่าจะเลือกไปร้านไหนก็จะได้รับความประทับใจพกกลับบ้าจากญี่ปุ่นอย่างแน่นอน!
ติดตามข่าวสาร และเรื่องราวอื่น ๆ ส่งตรงจากญี่ปุ่นได้ทางเว็บไซต์ JAPANKURU, Facebook, Instagram, X(twitter)!