ก้าวเข้าสู่โลกแห่งความฝันที่ละลานตาไปด้วยภาพดอกไม้และปลาคราฟสีสันจัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์ของ Mika Ninagawa จัดแสดงด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นงานนิทรรศการจะย้อมความอึมครึมของฤดูหนาวในโตเกียวให้สดใสมีชีวิตชีวา

Mika Ninagawa: Eternity in a Moment

Mika Ninagawa: Eternity in a Moment งานนิทรรศการแสดงศิลปะแบบประยุกต์ใหม่ล่าสุดของ Mika Ninagawa ช่างภาพและผู้กำกับภาพยนต์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ผลงานของ Mika Ninagawa ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือภาพถ่ายดอกไม้สีจัดจ้านสดใส แต่สำหรับผลงานที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุดก็น่าจะเป็นผลงานการกำกับ PV เพลง Heavy Rotation ของวง AKB48 ในปี 2010 

สำหรับงานนี้เธอเข้าได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีชื่อว่า EiM (Eternity in a Moment) สร้างสรรค์ชุดงานศิลปะที่ผู้เข้าชมจะไปรับประสบการณ์การถูกโอบล้อมไปด้วยงานศิลปะ ก้าวข้ามขอบเขตการเสพงานศิลป์แบบเดิม ๆ ที่สัมผัสได้แค่การมองรูปภาพบนผนัง สำหรับคนที่ชื่นชอบงานแสดงศิลปะแนวดิจิตัลอาร์ทประสมประสานแบบที่ teamLab Planets TOKYO DMM ก็น่าจะหลงรักนิทรรศการ Mika Ninagawa: Eternity in a Moment ได้ไม่ยาก

สถานที่จัดแสดงก็บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา เพราะงานนิทรรศการนี้จัดขึ้นที่ Tokyo Node ซึ่งพึ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้  เป็นศูนย์จัดแสดงที่ตั้งอยู่ในโทระโนะมง ย่านธุรกิจใจกลางกรุงโตเกียว 

Mika Ninagawa: Eternity in a Moment (蜷川実花展 Eternity in a Moment 瞬きの中の永遠)
ช่วงเวลาจัดงาน: 5 ธันวาคม 2023 ~ 25 กุมภาพันธ์ 2024
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 2,500/2,800 เยน | นักเรียน 2,000/2,200 เยน | เด็ก 800/1,000 เยน
Official Website (en)

สถานที่จัดงาน Tokyo Node
Toranomon Hills Station Tower 8F/45F, 2-6-2 Toranomon, Minato City, Tokyo
เวลาให้บริการ: 10:00 – 18:00
Official Website (en)

สัมผัสงานศิลปะสุดเจ๋งที่โตเกียว

ในยุคที่ใคร ๆ ต่างก็มองหาดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายจนทำให้สีสันเหือดหายไปจากการออกแบบ ความวุ่นวายในแต่ละวันทำให้ผู้คนต่างยุ่งเกินกว่าจะหยุดดมกลิ่นดอกไม้ เราจะค้นพบความงดงามในชีวิตประจำวันได้อย่างไร นั่นคือคำถามที่ Mika Ninagawa ตั้งเป็นโจทย์ในการจัดนิทรรศการครั้งนี้
 
ด้วยความร่วมมือกันระหว่างทีมครีเอทีฟ EiM และ Hiroaki Miyata ดาต้าไซแอนทิสต์ กับทีมเจ้าของพื้นที่จัดงาน Tokyo Node ซึ่งประกอบไปด้วย Isao Kuwana ไดเรคเตอร์และ Ou Sugiyama โปรดิวเซอร์ ร่วมกันรังสรรค์ห้องต่าง ๆ ภายในนิทรรศการออกมาได้อย่างน่าทึ่งและล้ำสมัยมาก ๆ 

แต่ละห้องมีธีมและแรงบันดาลใจในการออกแบบที่แตกต่างกันออกไป เลือกใช้สื่อที่แตกต่างกันเพื่อนำผู้เข้าชมออกจากพื้นที่อันน่าเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวัน Mika Ninagawa ได้กล่าวว่า "แค่มองโลกจากมุมที่แตกต่างออกไปจากเพียงเล็กน้อย คุณอาจประหลาดใจกับความงดงามของมัน"

ทีมงานผู้สร้างสรรค์ผลงานได้เลือกใช้สื่อหลากหลายรูปแบบทั้งแบบดิจิทัลและแบบวัตถุจับต้องได้ เพื่อให้ได้ผลงานระดับสุดยอดออกมา เป็นงานนิทรรศการมัลติมีเดียที่สมบูรณ์แบบซึ่งจะพาผู้เข้าชมไปสัมผัสกับ “ชั่วนิรันดร์ในชั่วขณะหนึ่ง (Eternity in a Moment)” แสดงความงามของโลกศิลปะผ่านพื้นผิว ภาพนิ่ง ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และเสียง นำเราเข้าสู่โลกศิลปะด้วยประสาทสัมผัสต่าง ๆ ของร่างกายที่มากกว่าการเสพผลงานด้วยตา 

ภายในงานจะมีห้องแสดงผลงานหลากหลายให้ได้เลือกเดินชม ที่โซนหนึ่งมีการจัดแสดงภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่สร้างจากภาพเบลอของดอกไม้สีสันสดใส, ปลาคราฟและท้องถนนอันเป็นแนวผลงานซิกเนเจอร์ของ Ninagawa 

มีโซนที่จะมีการกระจายกลิ่นหอมของดอกไม้ให้ลอยฟุ้งขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ภายในบรรยากาศพื้นสีรุ้งซึ่งเนรมิตขึ้นมาให้คล้ายกับภาพสวนในเทพนิยาย ภายในโซนนี้ยังมีการจำลองการจัดแสงเลียนแบบแสงอาทิตย์ที่มีการเคลื่อนตัวไปตามช่วงเวลาระหว่างวัน ทำให้ภาพต้นไม้ใบไม้ในห้องจัดแสดงดูแตกต่างกันออกไปตามแนวของแสงที่ส่องลงมา 

นอกจากนี้ก็ยังมีโซนที่บนพื้นห้องเต็มไปด้วยหมอนอิงแสนสบายซึ่งรอให้เราลงไปนอนดูภาพเบลอของดอกไม้สีชมพูชวนฝันที่ลอยปรากฏอยู่บนโคมทรง UFO เหนือศีรษะ

เสียงดนตรีในแต่ละโซนก็จะแตกต่างกันออกไปเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของห้องนั้น ๆ 

Mika Ninagawa: Eternity in a Moment เป็นงานนิทรรศการที่ราวกับพาผู้เข้าชมเข้าไปท่องในโลกแห่งความฝันตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปจนถึงทางออก มีทั้งโซนที่เหมาะกับการถ่ายรูปสวย ๆ และโซนที่ทำให้เราอยากลงไปนอนแล้วจมเข้าไปในโลกของศิลปะ เป็นงานนิทรรศการที่ไม่ใช่เฉพาะแฟนผลงานของ Mika Ninagawa เท่านั้น แต่สำหรับคนที่สนใจงานแนวศิลปะประยุกต์อันเต็มไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่ฉีกกฏการเสพงานศิลปะแบบเดิม ๆ แนวเดียวกับ teamLab ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน

มีร้านป๊อปอัปขายของที่ระลึกซึ่งสะดุดตาผู้พบเห็นด้วยภาพถ่ายสีสันสดใสของ Mika Ninagawa  ภายในร้านมีสินค้าหลากหลายตั้งแต่โปสการ์ดภาพศิลปะสีสันสดใสไปจนถึงสเก็ตบอร์ดที่พิมพ์ด้วยรูปถ่ายของ Ninagawa นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าประเภทเสื้อผ้าที่ตกแต่งด้วยลวดลายที่เข้ากับบรรยากาศของนิทรรศการ

วิธีที่ง่ายที่สุดในการไปที่นิทรรศการคือการนั่งรถไฟสาย Hibiya ไปยัง Toranomon Hills แล้วมองหาป้ายและลิฟต์ Tokyo Node ขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประตูตรวจตั๋ว 

สำหรับผู้ที่มาจากเส้นทางอื่น ๆ แนะนำให้เข้าประตูทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่มีเครื่องหมาย "Tokyo Node/Office" แล้วขึ้นลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 7 จากชั้น 7 จะมีบันไดเลื่อนนำไปสู่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วและลิฟต์ที่จะพาคุณขึ้นไปยังพื้นที่จัดแสดง!

ติดตามเรื่องราว ข้อมูล และข่าวสารส่งตรงจากญี่ปุ่นกับ Japankuru ได้ทาง X (Twitter) และ Facebook!