Sponsored

แนะนำช็อป Vivienne Westwood ในญี่ปุ่น กับคอลใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาว 2024 นี้

บทความนี้มีเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน

  • X
  • line

พาไปดูช็อป Vivienne Westwood ในญี่ปุ่น พร้อมส่องคอลเลกชันใหม่ประจำปลายปี 2024 และต้นปี 2025

Vivienne Westwood กับญี่ปุ่น

Vivienne Westwood (วิเวียน เวสต์วูด) ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษผู้ปลุกกระแสวัฒนธรรมพังก์ให้กลายเป็นแฟชั่นกระแสหลัก เธอเริ่มออกแบบเสื้อผ้าในช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่มชนชั้นกลางโดยเฉพาะวัยรุ่นในอังกฤษเริ่มมีแนวคิดต่อต้านสังคม จากการที่รัฐบาลรวมถึงชนชั้นสูงละเลยความเป็นอยู่ของคนชนชั้นล่าง และในช่วงเวลาสำคัญนี้เองก็ได้มีการใช้แฟชั่นพังก์ของ Vivienne Westwood เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอด“ความขบถ”เหล่านั้นด้วย จึงไม่อาจปฎิเสธได้ว่า Vivienne Westwood เองก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมเช่นกัน 

ในแง่ของการออกแบบ แบรนด์ได้ผสมผสานเอกลักษณ์ของอังกฤษเข้าไปอย่างลงตัว มองเพียงแวบเดียวก็จะสัมผัสได้ถึงความเป็นอังกฤ๊ษอังกฤษ อย่างดีไซน์รูปธงสหราชอาณาจักรหรือชุดสูทลายสก็อต ในขณะเดียวกันแบรนด์ก็ได้เติบโตขยายไปทั่วโลก และค้นพบช่องทางของตัวเองในประเทศญี่ปุ่นด้วย

ในช่วงทศวรรษที่ 1980 Vivienne Westwood ได้เริ่มก้าวใหม่กับการเปิดช็อปแรกนอกอังกฤษที่ประเทศญี่ปุ่น การเข้ามาของ Vivienne Westwood ได้ส่งอิทธิพลต่อปรากฏการณ์สตรีทแฟชั่นที่เกิดขึ้นในโตเกียวตลอดช่วงทศวรรษ 1990 และต้นทศวรรษ 2000 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฮาราจูกุกลายมาเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของโลก งานของ Vivienne Westwood จึงกลายเป็นหนึ่งในกระแสหลักของแฟชั่นสตรีทในโตเกียวจนถึงปัจจุบัน เรายังสามารถพบเจอผู้คนสวมใส่เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่มีจี้สัญลักษณ์ ORB โลโก้ดาวเสาร์ใส่มงกุฎอันเป็นเอกลักษณ์ของ Vivienne Westwood ได้โดยทั่วไป รวมถึงช็อปสาขาใหม่ ๆ ที่เปิดขึ้นทั่วญี่ปุ่น

ฮาราจูกุอันขึ้นชื่อว่าได้เป็นศูนย์กลางแฟชั่นของโลกในยุคหนึ่ง ทั้งยังมีความสำคัญกับร้าน Vivienne Westwood จึงไม่น่าแปลกใจที่ฮาราจูกุจะกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการช้อปปิ้ง Vivienne Westwood เพราะนอกจากจะมีสินค้าให้เลือกมากมายแล้ว ยังมีสินค้าบางชิ้นที่จำหน่ายในญี่ปุ่นเท่านั้นด้วย

ช้อปปิ้ง Vivienne Westwood ในญี่ปุ่น

จากกระแสความโด่งดังของ Vivienne Westwood ทำให้ในปัจจุบันนี้เราสามารถพบเจอกับช็อป Vivienne Westwood ได้ทั่วไปในญี่ปุ่น ความพิเศษคือแต่ละสาขาได้รับการออกแบบให้เข้ากับบริเวณที่ตั้งร้านโดยรอบ รวมไปถึงสินค้าภายในร้านก็อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาด้วย อย่างในย่านฮาราจูกุซึ่งถือเป็นสถานที่ที่มีความหมายของ Vivienne Westwood เราจะได้พบกับช็อป Vivienne Westwood ถึง 3 สาขาด้วยกัน ทั้ง Vivienne Westwood RED LABEL ตั้งอยู่ใจกลางย่านฮาราจูกุ Vivienne Westwood MAN บนถนน Omotesando และ Vivienne Westwood Aoyama อันคลาสสิกที่มีวางจำหน่ายสินค้าทุกอย่างจากดีไซเนอร์

ปัจจุบันสินค้าและเครื่องประดับที่วางจำหน่ายใน Vivienne Westwood RED LABEL และ Vivienne Westwood MAN เป็นสินค้าที่ออกแบบโดยคำนึงถึงพื้นเพและเทรนด์แฟชั่นของญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นไซส์และรูปทรงที่เหมาะกับชาวเอเชีย โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Vivienne Westwood ควบคู่กันไปได้เป็นอย่างดี จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นสินค้าลิมิเต็ดเฉพาะในญี่ปุ่นที่ไม่สามารถพบที่ไหนอีกแล้วก็ว่าได้

ที่สำคัญที่สุดคือคอลเลกชันลิขสิทธิ์เหล่านี้ผลิตขึ้นตามมาตรฐานที่เข้มงวดของญี่ปุ่น โดยใช้เทคนิคการผลิตที่พิถีพิถันและวัสดุคุณภาพสูง ทำให้สินค้า Vivienne Westwood ในญี่ปุ่นสิ่งที่นักช็อปทุกคนอยากจะหวนกลับมาซื้ออีกครั้งในทุกฤดูกาล

ไอเท็มเฉพาะในญี่ปุ่นประจำฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนี้

ในช่วงแรก ๆ ของการออกแบบ Vivienne Westwood ได้หยิบยกเอากระแสแฟชั่นย้อนยุคมาออกแบบใหม่ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ และกระบวนการดังกล่าวยังคงเป็นหัวใจสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน                                                            

สำหรับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง เหล่าดีไซน์เนอร์ก็ออกแบบโดยใช้แรงบันดาลใจจากสไตล์วินเทจเพื่อคงรักษากลิ่นอายความย้อนยุคเอาไว้ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงดีไซน์ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้นด้วย

ความพิเศษของญี่ปุ่นที่มีช็อป Vivienne Westwood หลากหลายสาขา ก็คือการที่แต่ละสาขามีลิขสิทธิ์พิเศษเฉพาะของญี่ปุ่น และสินค้าแตกต่างกันไปในแบบคอนเซ็ปต์ของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น เช่นเดียวกับร้าน Vivienne Westwood RED LABEL และ Vivienne Westwood MAN

Vivienne Westwood RED LABEL: Preppy & Punk แฟชั่นลูกคุณผสมพังก์

ภาพประกอบจาก Vivienne Westwood

อย่างที่เล่าไปด้านบนว่าสินค้าในแต่ละช็อปของ Vivienne Westwood อาจแตกต่งกันไปในแต่ละสาขา สำหรับ RED LABEL ได้นำเทรนด์แฟชั่นสไตล์ลูกคุณ (Preppy Style) มาผสมผสานเข้าไปด้วยกันกับแฟชั่นแบบพังก์ ออกมาเป็นคอลเลกชันเสื้อผ้าแนวชุดนักเรียนนักศึกษาที่เหมือนหลุดออกมาจาก Ivy League

หากอยากลองแต่งตัวสไตล์ลูกคุณผสมความเป็นพังก์ ขอแนะนำให้ลองแมตช์เสื้อคาร์ดิแกนหลวม ๆ อย่าง Patchwork Chunky Knit (รูปกลาง) กับกระโปรงลายสก็อต Tartan Check Mini Skirt (รูปกลาง) จากนั้นเติมเต็มลุคด้วยรองเท้าโลฟเฟอร์และถุงเท้าสีขาว (หรือถ้าอยากเพิ่มความแซ่บ ลองใส่คู่กับถุงน่องสีดำบาง ๆ ด้านในก็ได้นะ) เท่านี้ก็จะเหมือนนักเรียนไฮสคูลคุณหนูคุณใจแล้ว 

หรือหากอยากลองเป็นนักกีฬา ก็สามารถใส่อย่าง Big Pitch Stripe Rugger Shirt (รูปซ้าย) ไอเท็มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์สปอร์ต หรือจะเป็นชุดวอร์ม Recycled Polyester Double-Knit (รูปขวา) ที่ให้ความรู้สึกวินเทจขึ้นมาอีกหน่อยก็ย่อมได้

ภาพประกอบจาก Vivienne Westwood

แน่นอนว่าในคอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวของ Vivienne Westwood RED LABEL ไม่ได้มีแค่แฟชั่นลุคคุณหนูคุณใจเท่านั้น เพราะยังมีเสื้อผ้าที่ดึงเอาเทรนด์ล่าสุดของฮาราจูกุมาเป็นแรงบันดาลใจด้วย อย่าง Cotton Fleece-Lined Animal Cut Top (เสื้อคัตติ้งรูปสัตว์บุขนแกะ) กับเสื้อเชิ้ต Organic Cotton Broadcloth (ผ้าฝ้ายออร์แกนิก) ไซส์ XXL (รูปซ้าย) ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของแฟชั่นสไตล์โกธิก-เกิร์ลของฮาราจูกุอย่าง “จิไร เคอิ (Jirai kei)” โดยเฉพาะเมื่อแมตช์กับถุงเท้า ถุงน่อง และรองเท้าโลฟเฟอร์เพิ่ม

นอกจากนี้ยังมี Melton Shortcut Beaver Wool Trench (รูปขวา) เสื้อโค้ทยาวสุดคลาสสิกที่นำไปแมตช์เข้ากันได้ดีกับลุคโกธิกและโลลิต้าที่พบเห็นตามท้องถนนในย่านฮาราจูกุ  

Vivienne Westwood MAN: ทรงสวยและเนื้อผ้าหลากหลาย

ภาพประกอบจาก Vivienne Westwood

ในส่วนของ Vivienne Westwood MAN มีเอกลักษณ์ในเรื่องของเนื้อผ้าที่หลากหลาย ทั้งกำมะหยี่เนื้อนุ่ม เดนิมเนื้อหยาบ ขนแกะนุ่มฟู และผ้าแจ็คการ์ดแวววาว ให้เราได้สนุกและตื่นเต้นไปกับความแตกต่างทางเนื้อสัมผัส อย่าง Velvet Hals Collar Denim Jacket (รูปซ้าย) แจ็กเก็ตเดนิมแต่งด้วยปกกำมะหยี่สุดหรูหรา เหมาะสำหรับเดือนที่อากาศเริ่มหนาวขึ้น

หากยังไม่รู้จะแต่งตัวยังไง สามารถหาไอเดียได้จาก lookbook ของ Vivienne Westwood MAN ลองไปแต่งตามและสนุกกับเนื้อผ้าที่แตกต่างกันได้ อย่างรูปกลางที่นำเสื้อเชิ้ต Multi Stripe มาแมตช์กับผ้าถักนุ่ม ๆ ของเสื้อฮู้ด Shadow Roo และกางเกง Shadow Felpa หรือจะใส่ตามรูปขวา แมตช์เสื้อกั๊ก เสื้อเชิ้ตตัวยาว กางเกงและหมวกจากซีรีส์ Mist Check เพิ่มความโดดเด่นที่คาดไม่ถึงให้กับชุดสูทลายตารางคลาสสิกของ Vivienne Westwood

Images courtesy of Vivienne Westwood

ไม่ใช่แค่เรื่องของเนื้อผ้าเท่านั้นที่ทำให้คอลเลกชันนี้มีความโดดเด่น แต่ยังมีเรื่องการคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสไตล์พังก์แบบ Vivienne Westwood ทั้งการใช้ลวดลายซ้ำ ๆ อย่าง Twin Eagles (รูปขวา) ทั้งขนาดแบบโอเวอร์ไซส์ที่ดูหลวม ๆ ที่ทำให้คอลเลกชันนี้ดูเป็นหนึ่งเดียวกัน 

สำหรับวันฤดูใบไม้ร่วงที่อบอุ่นขึ้น ขอแนะนำเป็นกางเกงขายาว Cropped Wash Denim (รูปกลางและขวา) กางเกงเดนิมทรงหลวม ซึ่งตัดเย็บแบบครึ่งแข้งตรงกลางเพื่อสร้างลุคที่โดดเด่น 

อย่าลืมแวะมาที่ช็อป Vivienne Westwood ครั้งต่อไปเมื่อมาญี่ปุ่น!

ภาพประกอบจาก Vivienne Westwood

ถึงแม้ Vivienne Westwood จะมีช็อปในไทยบ้างแล้ว แต่ต้องบอกเลยว่าช็อปในญี่ปุ่นมีของลิมิเต็ดที่วางขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น รวมถึงมีสินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์วินเทจมากมายที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นในคอลเลกชันใหม่นี้ สำหรับสายแฟที่ชอบในสินค้า Vivienne Westwood อยู่แล้ว หรือใครที่อาจกำลังมองหาของที่ระลึกรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันของการมาโตเกียว ช็อป Vivienne Westwood อาจเป็นจุดหมายปลายทางที่ควรแวะมา 

ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ อื่น ๆ ส่งตรงจากญี่ปุ่นได้ที่เว็บไซต์ Japankuru และ Facebook!

Follow us @Japankuru on Facebook, Instagram, and Twitter!

  • facebook
  • line

COMMENT

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments
reCaptcha Error: grecaptcha is not defined

FEATURED MEDIA

VIEW MORE →

A Tokyo Winter Must-See: Tokyo Mega Illumination

Event Period: November 2, 2024 ~ January 12, 2025
 *Closed Nov 4~8, Dec 1~6, Dec 25~ Jan 1. End date may be subject to change.
Hours: 16:30 – 21:00 (final admission 20:00)
 *Opening hours may vary depending on scheduled events or congestion, please check the official website for details.
Directions: 2 min. walk from Tokyo Monorail Oikeibajo-Mae Station, 12 min. walk from Keikyu Tachiaigawa Station

#japankuru #tokyowinter #tokyomegaillumination #megaillumination2024 #tokyocitykeiba #도쿄메가일루미네이션 #tokyotrip #oiracecourseillumination

A Tokyo Winter Must-See: Tokyo Mega Illumination Event Period: November 2, 2024 ~ January 12, 2025  *Closed Nov 4~8, Dec 1~6, Dec 25~ Jan 1. End date may be subject to change. Hours: 16:30 – 21:00 (final admission 20:00)  *Opening hours may vary depending on scheduled events or congestion, please check the official website for details. Directions: 2 min. walk from Tokyo Monorail Oikeibajo-Mae Station, 12 min. walk from Keikyu Tachiaigawa Station #japankuru #tokyowinter #tokyomegaillumination #megaillumination2024 #tokyocitykeiba #도쿄메가일루미네이션 #tokyotrip #oiracecourseillumination

1|8

MAP OF JAPAN

SEARCH BY REGION →

    • ฮอกไกโด

      VIEW MORE →

      ฮอกไกโด อยู่ทางเหนือสุดจาก 4 เกาะหลักของญี่ปุ่น บริเวณนี้โด่งดังเรื่องเบียร์ซัปโปโร การผลิตและการกลั่นเบียร์ รวมถึงเทศกาลหิมะ และอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม และยังเหมาะกับเหล่านักชิมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งที่ปลูกในฮอกไกโด แคนตาลูป ผลิตภัณฑ์จากนม ซุปแกงกะหรี่ และมิโซะราเมน

    • นิกิ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด ห่างจากโอตารุประมาณ 30 นาที นิกิเป็นเมืองเล็กๆที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ ทำให้สวนผลไม้ของที่นี่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น เชอร์รี่ มะเขือเทศ และองุ่น มีโรงกลั่นไวน์ และกลายเป็นสถาที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารและไวน์ในเวลาไม่นาน

    • นิเซโกะ ห่างจากสนามบิน New Chitose ประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีรีสอร์ทในฤดูหนาวที่ดีที่สุด และยังเป็นจุดที่ชาวต่างชาติมักแวะมาเยี่ยมเยียน เพราะหิมะของที่นี่มีคุณภาพสูง นุ่มละเอียดดุจผงแป้ง ที่ไม่ว่านักสกี นักสโนว์บอร์ด รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ต้องกลับมาซ้ำ นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อย และออนเซ็นวิวสวยอีกด้วย

    • โอตารุ คือเมืองที่อยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางจากสถานีซัปโปโรประมาณ 30 นาที ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 กิจการการค้าขายและการประมงรุ่งเรืองมาก โดยอาคารที่สร้างในสมัยนั้นก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ย่านคลองโอตารุ ในปัจจุบัน เนื่องจากในอดีตที่นีเป็นศูนย์กลางของการประมง ทำให้มีร้านซูชิกว่า 100 ร้าน ให้เราได้เลือกชิมซูชิสดใหม่ ที่มีคนต่อแถวยาวบริเวณถนนซูชิ (Sushi Street)

    • SAPPORO

      VIEW MORE →

      ซับโปโร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด เป็นศูนย์กลางของการเมืองและเศรษฐกิจของฮอกไกโด มีสนามบินชินจิโตะเสะ (New Chitose Airport) ที่รองรับเที่ยวบินจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียว โอซาก้า และเที่ยวบินจากต่างประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลหิมะขึ้นที่สวนโอโดริ (Odori Park) หนึ่งในงานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของฮอกไกโด และยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย ทั้งราเมน เนื้อแกะย่าง ซุปแกงกะหรี่ และอาหารทะเล

    • โทโฮคุ

      VIEW MORE →

      โทโฮคุประกอบด้วย 6 จังหวัดที่อยู่ทางภาคอีสานญี่ปุ่น เป็นแหล่งปลูกพืชที่สำคัญ (แหล่งอาหารชั้นเยี่ยม) เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม พร้อมทั้งภูเขา ทะเลสาบ และแหล่งออนเซ็น

    • ฟุกุชิมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุชิมะ อยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ และแบ่งออกเป็น 3 เขตใหญ่คือ ฮามะโดริ (ชายฝั่ง) นากะโดริ (ตอนกลางของจังหวัด) และไอซุ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยเอโดะ อุทยานแห่งชาติโอเซะ ราเมคิตะคะตะ Bandai Ski Resort (พาวเดอร์สโนว์) เป็นจังหวัดที่สามารถเที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดู

    • ยามากาตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดยามากาตะ อยูในภูมิภาคโทโฮคุ หรือภาคอีสานของญี่ปุ่น ผู้คนนิยมไปเที่ยวในฤดูหนาว แช่ออนเซ็นและเล่นสกี โดยเฉพาะที่ Zao Onsen Ski Resort และที่ Gassan Ski Resort ชมความงามของหิมะที่ปกคลุมต้นไม้ จนหลายคนเรียกว่าปีศาจหิมะ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป เช่น วัด Risshakuji หรือวัด Yamadera, Ginzan Onsen ออนเซ็นบนถนนเก่าแก่ และทะเลสาบโอคามะ บนเขาซาโอะ นอกจากนี้ยังมีเนื้อโยเนซาวะ 1 ใน 3 อันดับเนื้อวากิวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น

    • อาคิตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดอาคิตะ อยู่บริเวณทะเลญี่ปุ่น ทางตอนเหนือสุดของภูมิภาคโทโฮคุ มีสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้มากที่สุดในญี่ปุ่น เช่น ประเพณีนามะฮาเกะ ที่แหลมโอกะ (ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ว่าเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้) และเทศกาลคันโต เทศกาลชื่อดังของภูมิภาคโทโฮคุ

    • คันโต

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในญี่ปุ่น ประกอบด้วย 7 จังหวัดคือ กุมมะ โทจิกิ อิบารากิ ไซตามะ โตเกียว ชิบะ และคานากาวะ ศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจ ความสนุกสนาน ความบันเทิงที่พบได้จะมีตั้งแต่ออนเซ็น สวนสนุก ธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบระยะสั้นเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืน

    • กุนมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดกุนมะ เดินทางสะดวก มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เช่น โอเสะ น้ำตกฟุกุวาเระ รวมถึงแหล่งออนเซ็นชื่อดัง (คุซัตสึ, อิกาโฮะ, มินาคามิ, ชิมะ) จนถูกเรียกว่าเป็นเมืองออนเซ็น และยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และคนรักรถไฟอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรงไหมโทมิโอกะ สะพานเมกาเนะบาชิ และทางรถไฟวาตาระเสะเคโคคุ

    • โตเกียว

      VIEW MORE →

      โตเกียว (東京) เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งความทันสมัย ตึกสูงเสียดฟ้า และผู้คนจำนวนมาก แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ทั้งพระราชวังอิมพีเรียล ย่านอาซากุสะ และยังเป็นเมืองอันดับต้นๆของโลกที่โดดเด่นในเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะ แฟชั่น เกมส์ เทคโนโลยี การคมนาคม และอื่นๆอีกมากมาย

    • โทจิกิ

      VIEW MORE →

      จังหวัดโทจิกิ มีเมืองสำคัญคือเมืองอุสึโนมิยะ ที่มีเกี๊ยวซ่าอันโด่งดัง และอยู่ห่างจากโตเกียวเพียง 1 ชั่วโมง มีธรรมชาติที่สวยงามให้ชมตลอดปี ตั้งแต่ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ไปจนถึงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นิกกโก เมืองมรดกโลก ศาลเจ้าโทโชกุ ทะเลสาบชูเซ็นจิ สวนดอกไม้อะชิคากะ (ดังเรื่องดอกวิสทีเรีย) รวมถึงเมืองนาซุ ที่เป็นที่นิยมในการท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการที่เป็นที่แปรพระราชฐานของจักรพรรดิญี่ปุ่น

    • ชูบุ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคชูบุ ตั้งอยู่บริเวณกลางประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ ไอจิ ฟุกุอิ กิฟุ อิชิคาว่า นางาโนะ นีกาตะ ชิซูโอกะ โทยาม่า และยามานาชิ บริเวณนี้มีชื่อเสียงเรื่องภูเขา โดยเฉพาะภูเขาไฟฟูจิ และเจแปนแอลป์ สกีรีสอร์ทในจังหวัดนางาโนะและจังหวัดนีกาตะ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูหนาว

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดนากาโนะ เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่นปราสาทคุมาโมโต้ วัดเซ็นโคจิ ศาลเจ้าโทกะคุชิ รวมถึงไฮไลท์ก็คือ เจแปนแอลป์ ผลไม้ของนากาโนะก็เป็นอีกอย่างที่มีชื่อเสียง ซึ่งเห็นได้จากสวนผลไม้ที่มีกิจกรรมให้เก็บผลไม้หลายชนิด และแหล่งออนเซ็นอย่าง Jigokudani ลิงแช่ออนเซ็น การเดินทางไปยังนากาโนะก็แสนง่าย เพราะมีรถไฟชินคันเซ็น โฮคุริคุ จากโตเกียวไปถึงนากาโนะ และเมื่อปี 1998 มีการจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่นากาโนะ ทำให้สกีรีสอร์ทที่ ฮาคุบะและชิกะโคเก็น กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดชิซึโอกะ อยู่ตรงกลางระหว่างภาคตะวันตกและตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้ไม่ว่าจะเดินทางจากโตเกียวหรือโอซาก้าก็สะดวก มีธรรมชาติที่สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ ทะเลสาบฮามานาโกะ หุบเขาสุมาตะ คาบสมุทรอิซุ (แหล่งออนเซ็นอะตามิ อิโตะ ชิโมดะ ชูเซ็นจิ และโดกะชิมะ) นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยังมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของตะกูลโทกุกาว่า มีเมนูขึ้นชื่อคือปลาไหล เกี๊ยวซ่าของฮามามัตสึ และชาเขียวคุณภาพดี

    • นาโกย่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดไอจิ ตั้งอยู่ใจกลางประเทศญี่ปุ่น มีเมืองนาโกย่าเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ไอจิเป็นเมืองอุตสาหกรรม และยังบ้านเกิดของรถยี่ห้อโตโยต้า มีพร้อมทั้งทะเลและภูเขา เช่น เกาะซาคุ หาดโคอิจิกาฮามะ เขาโฮราอิจิ ในอดีตเป็นเวทีในการต่อสู้ เช่น ในสมัยเซ็นโกคุ โอดะ โนบุนากะ, โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และโทกุกาว่า อิเอยาสุ ก็ได้ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ที่นี่ เช่น ปราสาทนาโกย่า ปราสาทอินุยามะ รวมถึงเมจิมูระ

    • นีงะตะ

      VIEW MORE →

      จ.นีงะตะตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู ติดกับทะเลญี่ปุ่น เต็มไปด้วยของขวัญจากธรรมชาติ มีสกีรีสอร์ตชื่อดังอย่างเช่น Echigo-Yuzawa อุทยานแห่งชาติ ออนเซ็นธรรมชาติ ซีฟู้ดสดใหม่ ข้าวญี่ปุ่น และสาเก นักท่องเที่ยวนิยมพักผ่อนในเมืองนีงะตะ และเกาะซาโด

    • คันไซ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคคันไซประกอบด้วยจังหวัดมิเอะ นารา วากายาม่า เกียวโต โอซาก้า เฮียวโกะ และชิกะ เมืองหลวงเก่าอย่าเกียวโตก็อยู่ในภูมิภาคคันไซ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของญี่ปุ่น ทั้งวัดและศาลเจ้าที่เกียวโต ปราสาทโอซาก้า และกวางที่นารา อีกทั้งผู้คนในแถบคันไซยังเป็นมิตร จึงเหมาะกับการเป็นสถานที่พักผ่อน

    • นารา

      VIEW MORE →

      จังหวัดนารา เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในอดีต ช่วงยุคนารา หรือราวค.ศ 710 ในช่วงที่นาราเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้นถูกเรียกว่า "เฮโจเกียว" และยังเป็นเส้นทางสายไหม ที่เฟื่องฟูไปยังนานาชาติและผลิตสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมมากมาย สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังนาราก็คือ สวนนารา ที่เต็มไปด้วยกวาง การปีนเขาโยชิโนะ และจุดชมซากุระ

    • เกียวโต

      VIEW MORE →

      เกียวโต เคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นตั้งแต่ปีค.ศ.794-1100 ที่เป็นศูนย์กลางในด้านการเมืองและวัฒนธรรม ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นถนนกิอง วัดทอง วัดน้ำใส และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง แม้แต่ป่าไผ่อาราชิยาม่าอันโด่งดัง ที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชมความงาม ที่หมุนเวียนไปตลอดทั้ง 4 ฤดู

    • โอซาก้า

      VIEW MORE →

      โอซาก้า เป็นเมืองที่ผู้คนเป็นมิตรและมีแต่ความสนุกสนาน แต่ประวัติศาสตร์ของที่นี่ไม่ได้สนุกเหมือนกับในปัจจุบัน เพราะโอซาก้านั้นมีส่วนสำคัญในการรวมญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 16 ทำให้โอซาก้าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่น มีเมนูอาหารชื่อดัง จนได้ชื่อว่าเป็น "ครัวของญี่ปุ่น" ในปัจจุบันโอซาก้าเป็นต้นแบบของญี่ปุ่นตะวันตก ที่มาพร้อมกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทโอซาก้า แหล่งช้อปปิ้งย่านอุเมดะอย่าง Grand Front Osaka และ Abeno Harukas โอซาก้าเป็นสวรรค์ของนักชิม มาพร้อมกับเมนูขึ้นชื่อย่าง ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ และคุชิคัตสึ รวมถึงเป็นที่ตั้งของสวนสนุก Universal Studios Japan อีกด้วย

    • ชูโกกุ

      VIEW MORE →

      ชูโกกุ ประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ ฮิโรชิม่า โอคายาม่า ชิมาเนะ ทตโตริ และยามากุจิ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคือ เนินทราย (ทตโตริ) และ สวนสันติภาพ (ฮิโรชิม่า) และเมื่อข้ามน้ำไปยังชิโกกุที่มีด้วยกัน 4 จังหวัดคือ เอฮิเมะ คากาวะ โคจิ และโทคุชิม่า ขึ้นชื่อเรื่องอุด้ง (คากาวะ) และโดโกะออนเซ็น (เอฮิเมะ)

    • ฮิโรชิม่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดฮิโรชิม่า มีทั้งแหล่งมรดกโลก ธรรมชาติ และอาหารอร่อย สามารถนั่นเครื่องบินจากโตเกียวโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ครึ่ง และนั่งรถไฟ 4 ชั่วโมง มีแหล่งมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO 2 แห่ง คือ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะบนเกาะมิยาจิมะ และ Atomic Bomb Dome นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลจากทะเลในเซโต โดยเฉพาะหอยนางรม โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า เลมอเซโตอุจิ และธรรมชาติที่สวยงามสะกดสายตา

    • ชิโกกุ

      VIEW MORE →

      On the other side of the Seto Inland Sea opposite Japan’s main island, Shikoku (四国) is a region made up of four prefectures: Ehime, Kagawa, Kochi, and Tokushima. The area is famous for its udon (in Kagawa), and the beautiful Dogo Onsen hot springs (in Ehime).

    • คากาวะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดคากาวะ อยู่ทางตอนเหนือของเกาะชิโกกุ ติดกับเกาะหลักของญี่ปุ่นและทะเลในเซโต เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น มีซานุกิอุด้งชื่อดัง จนทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า เมืองอุด้ง มีศาลเจ้าโกโตฮิรากุและสวนริสึริน ว่ากันว่าหากมองไปที่ Zenigata Sunae หรือภาพวาดจากทราย จะทำให้ไม่ขัดสนเรื่องเงินตลอดไป

    • คิวชู

      VIEW MORE →

      เกาะคิวชู ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น มีด้วยกัน 7 จังหวัด คือ ฟุกุโอกะ ซากะ นางาซากิ คุมาโมโต้ โออิตะ มิยาซากิ และคาโกชิม่า เกาะนี้มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากที่อื่น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากจีนและฮอลันดา เข้ามาทำการค้าในสมัยก่อน โดยมิชชันนารีเข้ามาทางท่าเรืองในจ.นางาซากิ และต้องขอบคุณการระเบิดของภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ที่ทำให้ที่นี่มีพร้อมทั้งวิวทิวทัศน์ ธรรมชาติ อาหาร แหล่งออนเซ็นที่สวยงาม

    • คาโกชิม่า

      VIEW MORE →

      คาโกชิมะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสิ่งใหม่ๆของญี่ปุ่น โดยมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงในอดีต เช่น ซามูไร ไซโกะ ทาคาโมริ และ โอคุโบะ โทชิมิจิ ผู้ผลักดันญี่ปุ่นจากยุคเอโดะมายังยุคเมจิ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ สวนเซ็นกันเอ็น ภูเขาไฟซากุระจิมะ ออนเซ็นอิบุสุกิ ออนเซ็นคิริชิมะ เกาะยาคุชิมะ แหล่งมรดกโลก หรือเกาะอะมามิโอชิมะ เกาะที่ว่ากันว่าอยู่ใกล้สวรรค์มากที่สุด แม้จะตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะหลัก แต่คาโกชิมะก็เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่รอให้ไปชมมากมาย

    • ฟุกุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นเมืองที่มีประชากรอยู่มากที่สุดในภูมิภาคคิวชู มี 2 เมืองใหญ่คือ ฟุกุโอกะและคิตะคิวชู การท่องเที่ยวในฟุกุโอกะนั้นสะดวกสบาย ทำให้สามารถไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าดาไซฟู เท็นมังกุ มตสึนาเบะ(หม้อไฟเครื่องใน) ไข่ปลาเม็นไทโกะ(ไข่ปลาคอตรสเผ็ด) และราเมนฮากาตะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเหมาะกับทั้งคนที่ชอบช้อปปิ้ง และชอบธรรมชาติ

    • โอกินาว่า

      VIEW MORE →

      เกาะโอกินาว่านั้นอยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นส่วนที่ร้อนที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จากในอดีตที่มีการปกครองตนเอง และเหตุการณ์ทางการเมือง และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้โอกินาว่าที่วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีวัฒนธรรมจากอาณาจักรริวกิวหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภาษา เสื้อผ้า นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของคาราเต้อีกด้วย

RELATED ARTICLES

PARTNERS