Sponsored

เที่ยวซัปโปโรแบบจุใจตลอดวันและคืน: อาหารท้องถิ่น งานประดับไฟ และช้อปปิ้งแว่นตาในซัปโปโรไปกับ JINS

บทความนี้มีเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน

  • X
  • line

ช้อปปิ้งแว่นตาในซัปโปโร

ฮอกไกโด เกาะเหนือสุดแดนญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของสี่ฤดูกาลและอาหารสุดแสนอร่อย เป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักมาพักผ่อนหย่อนใจ(แน่นอนว่ารวมถึงคนไทยอย่างเรา ๆ ด้วย) สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงาม เพลิดเพลินกับอาหารทะเล เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์นมอันโด่งดังของฮอกไกโด ยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ซัปโปโร เมืองที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวงของฮอกไกโดก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้คนทั่วโลก ด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ทั้งวัฒนธรรมอาหารหลากหลาย กิจกรรมตามฤดูกาลสุดแปลกใหม่ และบรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลาย พร้อมทั้งการช้อปปิ้งและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีในเมืองใหญ่ ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองที่ทุกคนอยากมาเยือน

ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ทีมงาน JAPANKURU มีโอกาสได้เดินทางไปฮอกไกโด และได้ค้นพบร้านแว่นตาที่ดีที่สุดในซัปโปโร จึงอยากขอมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันในบทความนี้ พร้อมกับออกสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวโดยรอบ

การเดินทางของเราวันนี้เริ่มต้นจากการนั่งรถไฟไปที่สถานีซัปโปโร ขึ้นไปชั้นบนของสถานีเพื่อเลือกซื้อแว่นตาจากแบรนด์แว่นตาชั้นนำของญี่ปุ่นที่ JINS Sapporo Stellar Place จากนั้นจะพาไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวย่านสถานีซัปโปโร

JINS 30min Night Walks ในซัปโปโร

ซัปโปโรมีสถานเที่ยวและกิจกรรมมากมายให้ทำได้ตลอดวัน สามารถจัดแพลนท่องเที่ยวได้อย่างเต็มอิ่ม แต่ตลอดวันนั้นหมายรวมถึงตอนกลางคืนด้วยไหมนะ? เพราะแม้ฮอกไกโดจะเป็นเมืองใหญ่ที่คึกคัก แต่บางครั้งพิพิธภัณฑ์และแหล่งช้อปปิ้งต่าง ๆ ก็ปิดเร็วกว่าที่คิด หากใครกังวลว่าหลังจากพระอาทิตย์ตกแล้วจะไปไหนดี วันนี้ JINS มีแคมเปญให้เราได้สนุกกันหลังพระอาทิตย์ตกมาแนะนำ กับแคมเปญ JINS 30min Night Walk

ร้านแว่น JINS สาขา Sapporo Stellar Place เปิดให้บริการถึงเวลาสามทุ่มเช่นเดียวกับเวลาเปิดให้บริการศูนย์การค้า และโดยปกติแล้วสามารถเตรียมแว่นให้ได้ภายใน 30 นาทีหลังจากชำระเงิน ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะจะไปผจญภัยยามค่ำคืน นอกจากนี้ JINS ยังมอบสิทธิ์พิเศษให้ชาวต่างชาติอย่างเรา ๆ ด้วย “Night Voucher” คูปองส่วนลดหรือของขวัญฟรีจากร้านค้าที่ร่วมรายการ ตัววอยเชอร์มาในรูปแบบของผ้าเช็ดแว่นสุดน่ารักลายสถานที่แลนมาร์คในฮอกไกโด

ทีมงาน JAPANKURU ได้แวะไปที่ JINS สาขา Sapporo Stellar Place และไปเดินเล่นที่เที่ยวรอบ ๆ มา เลยอยากมาแนะนำแพลนเที่ยวซัปโปโรแบบง่าย ๆ แต่เต็มไปด้วยอาหารอร่อยและสถานที่ท่องเที่ยวน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมทิปส์ในการเลือกซื้อแว่นตาคู่ใหม่สุดเพอร์เฟ็กต์ในซัปโปโร

จุดแรก: JINS สาขา Sapporo Stellar Place

สถานีซัปโปรตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮอกไกโด และเป็นสถานีที่ทุกคนมักจะต้องผ่านเข้ามาจากสนามบิน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังจุดหมายอื่น ๆ ในฮอกไกโด ที่ด้านบนของสถานีเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้า Sapporo Stella Place ภายในมีร้านค้าสินค้าแฟชั่นสุดชิคและร้านอาหารท้องถิ่นมากมาย แน่นอนว่ารวมถึงร้านแว่นตา JINS ด้วย

บรรยากาศภายในร้าน JINS ของสาขานี้ ให้ความรู้สึกแตกต่างจากร้านแว่นตาทั่วไป เพราะด้วยการตกแต่งร้านที่มีชั้นวางไม้เต็มไปด้วยแว่นตาเรียงราย ให้บรรยากาศอบอุ่น มองแล้วเหมือนเป็นพื้นที่สาธารณะให้ผู้คนมาพบปะกันเสียมากกว่าร้านค้า และนอกจากแว่นตาแล้ว ภายในร้านยังมีหนังสือที่ไม่คาดคิดว่าจะเจออีกด้วย บนชั้นวางที่ทำจากแผ่นไม้ฮอกไกโด (Hokkaido Larch) มีหนังสือเรียงรายอยู่ ตั้งแต่หนังสือศิลปะและการออกแบบ ไปจนถึงหนังสือประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของฮอกไกโด (ก็คือหลังจากเลือกซื้อแว่นตาแล้ว สามารถทดลองแว่นใหม่ด้วยการอ่านหนังสือได้เลย) ด้วยองค์ประกอบหลายอย่างทำให้ที่ร้านนี้อาจเป็นร้านแว่นตาที่น่าสนใจที่สุดซัปโปโร

JINS Sapporo Stellar Place (JINS札幌ステラプレイス)
ที่อยู่: Sapporo Stellar Place Center 4F, 2 Chome Kita 5 Jonishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido
เวลาเปิดทำการ: 10:00 – 21:00 น. (อาจเปลี่ยนแปลงตามเวลาทำการของอาคาร)
เว็บไซต์ทางการ(ภาษาญี่ปุ่น)

ลองกรอบแว่นสุดฮิตของซัปโปโร

บนชั้นวางไม้ที่ประดิษฐ์อย่างปราณีตจากฮอกไกโด มีกรอบแว่นตายอดนิยมของ JINS สาขา Sapporo Stellar Place วางอยู่ นั่นคือกรอบแว่นจากซีรีส์ JINS Sabae: Made in Japan เดิมที”ซาบาเอะ”คือเมืองเกษตกรรมที่เคยยากจน แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาหมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางการผลิตแว่นตา ทั้งยังช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของญี่ปุ่นในเรื่องแว่นตาคุณภาพสูงอีกด้วย โดยกรอบแว่นซีรีส์ JINS Sabae ผลิตด้วยเทคนิคที่พัฒนาและปรับปรุงมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ ทุก ๆ กรอบจะได้ผ่านมือของช่างฝีมือจากเมืองซาบาเอะหลายต่อหลายคน จนได้กรอบแว่นตาที่สะท้อนถึงความชำนาญของการผลิตที่ญี่ปุ่นภาคภูมิใจ ซึ่งกระบวนการนี้บางครั้งถูกเปรียบเทียบกับการพิมพ์ภาพไม้อุคิโยเอะ (浮世絵/Ukiyo-e) ที่ต้องผ่านหลายขั้นตอนกว่าจะสำเร็จสมบูรณ์นั่นเอง

หลังจากผ่านขั้นตอนการผลิตที่ปราณีต จนได้มาวางอยู่บนชั้นวางในร้าน JINS กรอบแว่นเหล่านี้ถือเป็นตัวอย่างงานฝีมือของช่างญี่ปุ่น เพราะมันเกิดจาก “การผสมผสานทักษะของช่างฝีมือ” โดยสีของกรอบได้รับแรงบันดาลใจจากสีของภาพพิมพ์อุคิโยะเอะดั้งเดิมที่ชวนให้นึกถึงฤดูกาลทั้งสี่ของญี่ปุ่น พร้อมด้วยรายละเอียดที่ปราณีต เช่น การออกแบบขาปีกจมูก กรอบแว่นในซีรีส์นี้มีสไตล์ที่เรียบง่ายและหรูหรา เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวัน และยังสามารถเป็นของที่ระลึกที่ยอดเยี่ยมจากการเดินทางในญี่ปุ่นได้อีกด้วย

หากเราต้องการลุคที่โดดเด่นและทันสมัยให้เข้ากับบรรยากาศสุดล้ำของ Sapporo Stellar Place แนะนำให้ลองคอลเลกชัน BE BOLD จาก JINS ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคอลเลกชันที่โดดเด่นที่สุด กรอบแว่นหนาและดูแข็งแรงเหล่านี้มาในสีอย่างดำด้านและสีน้ำตาลลายกระดองเต่า ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดุดตาน่ามอง สำหรับใครที่เป็นคนรักแว่นตาและอยากโชว์ความเป็นตัวเอง ก็ไม่มีคอลเลกชันนี้จะเหมาะไปกว่าคอลเลกชันนี้แล้วล่ะ!

ที่ JINS Sapporo Stellar Place ยังมีคอลเลกชันแว่นตาสไตล์ใหม่ล่าสุดของแบรนด์ให้เลือกมากมาย และในช่วงที่ทีมงานของเราแวะไปที่ร้าน ได้พบกับคอลเลกชัน JINS⁠ TODAY กรอบแว่นสุดฮิตรุ่นล่าสุดได้รับแรงบันดาลใจจากกระแสแฟชั่นยุค 90 และต้นช่วงปี 2000 ที่เพิ่งกลับมาบูมในช่วงนี้ โดยมีตัวเลือกสไตล์เรโทรและทรง “เนิร์ด” ที่ดูเหมือนหลุดมาจากซิทคอมยุค 90 อย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่อยากตกเทรนด์แฟชั่นล่าสุด อย่าลืมมาลองแว่นสไตล์วินเทจเหล่านี้ดูนะ!

หากสิ่งสำคัญคือการค้นหาแว่นตาที่เหมาะกับรูปหน้ามากที่สุด ที่ร้าน JINS มีระบบ AI ที่เรียกว่า JINS BRAIN ซึ่งสามารถช่วยวิเคราะห์และแนะนำกรอบแว่นที่รับกับรูปหน้าให้ เพียงลองสวมแว่นตาใดก็ได้ในร้านและมายืนหน้าเครื่อง ระบบจะวิเคราะห์และให้คะแนนความเหมาะสมของแว่นตานั้นกับใบหน้า พร้อมแจกคะแนนความเข้ากันให้ด้วย(เต็ม 100 คะแนน) ในตอนที่ไม่มั่นใจว่าแว่นไหนจะเข้ากับเรา ปล่อยให้ JINS BRAIN ช่วยค้นหาคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้ได้เลย

เติมเต็มลุคให้สมบูรณ์แบบด้วยเลนส์สุดล้ำจาก JINS

หลังจากเลือกกรอบที่ถูกใจได้แล้ว ก็ถึงเวลาของการมาเลือกเลนส์กันต่อ นอกจากกรอบแว่นละลานตาให้เลือกแล้ว JINS ยังภูมิใจนำเสนอเลนส์หลากหลายประเภท ซึ่งเป็นเลนส์ที่ถูกทำขึ้นโดยเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งการใช้งานจริงและแฟชั่น อย่างเลนส์กรองแสงสีฟ้า หนึ่งในเลนส์ขายดีของ JINS ยาวนานหลายปี สามารถปกป้องดวงตาเราจากแสงจ้าของหน้าจอที่อาจทำลายสายตาได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำไปใช้ร่วมกับกรอบ JINS HOME ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่บ้าน)

หรือเลนส์โฟโตโครมิก(Photochromic Lens) เลนส์ปรับแสงอัตโนมัติที่จะเปลี่ยนสีเมื่อได้รับแสงยูวีก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ นอกจากนี้ JINS ยังมีเลนส์รุ่นที่ตอบสนองต่อแสงที่มองเห็นได้ทุกชนิด ซึ่งเหมาะมากสำหรับการขับรถในช่วงที่แดดจัด

และหากใครที่อยากได้เลนส์ที่ดูแฟชั่นขึ้นมาหน่อย ที่ JINS สาขา Sapporo Stellar Place ก็มีวางจำหน่ายเลนส์สี (tinted color lenses)ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักช้อปสายแฟด้วยเช่นกัน สามารถเลือกสีเลนส์ที่ชอบให้และปรับให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้อย่างลงตัว

ที่ร้านมีเลนส์สีให้เลือกลองเยอะมาก ทั้งเลนส์สีลาเวนเดอร์หรูหรา สีกุหลาบ สีเขียวสด หรือแม้แต่ “สีสโมกกี้เทอร์ควอยซ์” ที่ไล่สีจากเข้มไปอ่อน ซึ่งเลนซ์หลากสีนี้สามารถเติมเต็มการแต่งตัวของเราให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นได้ นอกจากนี้สีเข้มยังเหมาะสำหรับการนำไปใช้เป็นแว่นกันแดดไม่ว่าเราจะมีค่าสายตาหรือไม่ก็ตาม

หรือหากกำลังมองหาเลนส์สำหรับแว่นตาในชีวิตประจำวัน อาจดูเป็นเลนส์สีอ่อนเหมือนกับที่คนญี่ปุ่นมักนิยมเลือกกัน ซึ่งเลนส์สีอ่อนเหมาะมากกับกรอบแว่น BE BOLD ที่ดูทันสมัย อาจจะลองเลือกคู่กันไปได้

นอกจากจะมีเลนส์หลายสีให้เลือกแล้ว ที่ร้าน JINS สาขา Sapporo Stellar Place มักมีสต็อกเลนส์อยู่เสมอ ทำให้เราสามารถซื้อได้เลยโดยไม่ต้องรอของ ด้วยตัวเลือกหลากหลายและสต็อกที่ครบครันของ JINS ในสาขานี้ เราสามารถได้รับแว่นตาสีสันสดใสในสไตล์ของตัวเองภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง!

รอรับแว่นตาใหม่จาก JINS

เมื่อเลือกกรอบและเลนส์ที่ตอบโจทย์ตัวเองที่สุดได้แล้ว ขั้นตอนที่เหลือก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่ไปที่หน้าแท็บเล็ตบริเวณเคาน์เตอร์เพื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวพื้นฐาน(รองรับหลายภาษา มีภาษาอังกฤษด้วย) หลังจากนั้นจะวัดสายตาใหม่ หรือนำใบสั่งค่าสายตามเดิมเพื่อให้ทางร้านตัดตามนั้นก็ได้เช่นกัน

ที่สำคัญคือเครื่องวัดสายตาของที่ร้านสามารถตั้งค่าเป็นภาษาอังกฤษได้ เพื่อให้การประเมินสายตาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และแม่นยำที่สุด สำหรับใครที่ตั้งใจมาวัดสายตาใหม่อยู่แล้ว แนะนำให้ลงทะเบียนผ่านแท็บเล็ตทันทีเมื่อมาถึงร้าน แล้วค่อยใช้เวลารอคิวในการเลือกกรอบและเลนส์ เพราะหากบังเอิญไปในวันที่ลูกค้าเยอะอาจต้องรอคิวซักหน่อย

เมื่อเราให้ข้อมูลที่จำเป็นในการตัดแว่นทั้งหมดกับพนักงานแล้ว สิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้นคือเลือกสีและดีไซน์สำหรับกล่องแว่น จากนั้นก็ดำเนินการชำระเงิน

ที่ร้าน JINS สาขา Sapporo Stellar Place เพียงแสดงหนังสือเดินทางก็สามารถซื้อสินค้าแบบปลอดภาษี ซึ่งสามารถประหยัดลงได้ถึง 10% และพิเศษยิ่งขึ้นเพราะวันนี้ JAPANKURU มีคูปองส่วนลดเพิ่มอีก 5% มาแจกด้วย!(ใช้ได้ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2025) แม้ JINS จะเป็นที่รู้จักในเรื่องราคาย่อมเยาอยู่แล้ว แต่เมื่อรวมส่วนลดเหล่านี้กับค่าเงินเยนอ่อนในช่วงนี้ บอกเลยว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!)

พนักงานชำระเงินเรียบร้อยแล้ว JINS จะมอบ QR Code สำหรับมารับแว่นตาและผ้าเช็ดแว่น Night Voucher ให้ ระหว่างรอแว่นใหม่ ก็ถึงเวลาออกไปสำรวจเมืองซัปโปโรกันแล้ว!

จุดต่อไป: เที่ยวซัปโปโรยามค่ำคืน

แผนที่ ① ดื่มด่ำกับแสงไฟเป็นกระกายของฮอกไกโด

อากาศที่ฮอกไกโดมักจะสดชื่นและปลอดโปร่งตลอดหลายเดือนของปี ซึ่งบอกเลยว่าเป็นบรรยากาศที่เหมาะกับการเพลิดเพลินกับแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนแบบสุด ๆ เพื่อให้การเดินเล่นยามค่ำคืนนี้คุ้มค่าที่สุด แนะนำให้เริ่มต้นจาก สวนโอโดริ (Odori Park) ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีและรูปปั้นหิมะอันโด่งดังของฮอกไกโด หากมาถูกจังหวะอาจได้ชมการแสดงไฟสุดตระการตาด้วยนะ

แต่ไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงไหน หอคอยโทรทัศน์ซัปโปโร (Sapporo TV Tower) ที่สูงเด่นอยู่สุดทิศตะวันออกของสวนแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ห้ามพลาด ขึ้นลิฟต์ไปยังจุดชมวิวของหอคอยเพื่อดื่มด่ำกับวิวสวยงามของสวนโอโดริด้านล่าง พร้อมกับเนินเขาที่งดงามอยู่ไกลลิบเป็นฉากหลัง โรแมนติกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

จากนั้นลองเดินย้อนกลับไปทางทิศเหนือมุ่งหน้าสู่สถานี เพื่อไปยัง หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1878 ในช่วงกลางวัน อาคารแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ของซัปโปโร ส่วนยามค่ำคืนกลายเป็นสถานที่พิเศษสุดโรแมนติก

แนะนำสำหรับใครที่อยากหลีกเลี่ยงความพลุกพล่านของผู้คนในช่วงกลางวัน ลองมาถ่ายภาพหอนาฬิกาที่เปล่งแสงสวยงามในยามค่ำคืนแทนได้นะ!

เมื่อมาทางตะวันตกของหอนาฬิกา อาคารที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office) เป็นอนุสรณ์สถานประวัติศาสตร์แบบตะวันตกอีกแห่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เป็นเอกลักษณ์ที่ฮอกไกโดได้รับในช่วงศตวรรษครึ่งหลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศ อาคารอิฐแดงที่งดงามแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นเวลา 80 ปีหลังจากการก่อสร้างในปี ค.ศ. 1888 แต่ปัจจุบันเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบรรยากาศขรึม ๆ ยามค่ำคืน โดยมีฉากหลังที่ดูโอ่อ่า (น่าเสียดายที่ตอนที่ทีมงาน JAPANKURU แวะไปหอนาฬิกาอยู่ในช่วงระหว่างการปรับปรุง)

หากรู้สึกว่ายังไม่จุใจกับความระยิบระยับของฮอกไกโด ก่อนจะกลับไปรับแว่นตาที่ JINS แนะนำให้ลองขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ JR Tower Observation Deck T38 ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สูงกว่าหอคอยโทรทัศน์ซัปโปโรเสียอีก ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับวิวซัปโปโรที่อยู่เบื้องล่างแบบพาโนรามาไร้สิ่งกีดขวาง ลองสั่งเครื่องดื่มจากคาเฟ่ นั่งเอนกายบนเก้าอี้สบาย ๆ ริมหน้าต่าง และดื่มด่ำกับวิวของรถไฟที่แล่นผ่านสถานีซัปโปโร หรือผู้คนที่ดูตัวเล็กเท่ามดที่เดินไปมาอยู่บนทางเท้าก็ดีเหมือนกันนะ〜

แผนที่ ② กินดื่มแบบคนท้องถิ่นซัปโปโร

เดินกันมาเยอะ น่าจะเริ่มหิวกันแล้วใช่ไหม? ซัปโปโรขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยเต็มไปหมด ลองแวะไปตามร้านที่กำลังจะแนะนำต่อไปนี้ อาจจะช่วยให้ทุกคนรู้สึกอุ่นและอิ่มท้องหลังจากวันที่อากาศหนาวเย็นได้ ร้านแรกของเราคือร้าน “ฮิราสึกะ จิงกิสข่าน”(Hiratsuka Jingisukan) หนึ่งในร้านพิเศษของฮอกไกโด

หมูกระทะแบบ “เจงกิสข่าน” ตั้งชื่อตามจอมทัพมองโกลเจงกิสข่าน เป็นบาร์บีคิวสไตล์ญี่ปุ่น ที่ร้านฮิราสึกะ มีทั้งเนื้อแกะและเนื้อแพะหลากหลายชนิด ลองสั่งมาย่างบนเตาเล็ก ๆ ส่วนตัวบนโต๊ะ นอกจากนี้ยังมีเนื้อวากิวลายหินอ่อนอันเลื่องชื่อของฮอกไกโดให้ลองชิมด้วย และเพื่อเป็นการปิดท้ายมื้ออาหารแบบพิเศษสุด ๆ เพียงแสดง JINS Night Voucher ให้พนักงาน รับส่วนลด 10% เลยทันที!

หลังจากอิ่มท้องในระดับหนึ่งแล้ว ก็มุ่งหน้าไปต่อกันที่ถนนช้อปปิ้งทานุกิโคจิ(Tanukikoji) อันแสนคึกคัก ที่สามารถตรงไปสู่ใจกลางย่านซุซุกิโนะ(Susukino) ย่านชื่อดังของซัปโปโรที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวายามค่ำคืน ภายในย่านนี้เรียงรายไปด้วยบาร์และอิซากายะหลากหลายรูปแบบ เรียกได้ว่าที่นี่มีให้ครบทุกอย่างเพียงพอที่จะสร้างค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบให้กับเรา อย่าลืมแวะถ่ายรูปที่ป้ายวิสกี้ Nikka Whisky กลับไปเป็นที่ระลึกด้วยล่ะ!

กระเพาะของคาวกับของหวานมันแยกกัน นั่นหมายความว่าเรามีพื้นที่ให้สำหรับของหวานเสมอ! ชวนไปลิ้มลองหนึ่งในของหวานประจำถิ่นซัปโปโร “ชิเมะพาร์เฟต์”

โดยปกติแล้วคนญี่ปุ่นในภูมิภาคอื่น ๆ มักปิดจบวันด้วยราเมนร้อม ๆ ชามโต แต่สำหรับคนซัปโปโรแล้ว มักเลือกปิดท้ายด้วยพาร์เฟต์สุดหรูแทน JAPANKURU เลยอยากแนะนำให้ลองทำแบบคนซัปโปโรดู แวะร้านพาร์เฟต์ชื่อ “Shiawase no Recipe Sweet” เพื่อเพลิดเพลินกับพาร์เฟต์ที่จัดเต็มด้วยผลไม้ ไอศกรีม และท็อปปิ้งหลากสีสันก่อนจะกลับไปรับแว่นตา!

แผนที่ ③ สร้างวันแห่งความสนุกและเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสี

ถึงแม้ในบทความนี้เราจะเน้นแนะนำที่เที่ยวยามค่ำคืนเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับใครที่ชอบสำรวจเมืองช่วงเวลากลางวัน เราก็มีไอเดียที่เที่ยวดี ๆ มาแนะนำเหมือนกัน! หลังจากเลือกแว่นตาเสร็จแล้ว ออกไปชมความงามของจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดในซัปโปโร เริ่มต้นด้วยการเยี่ยมชมสวนสาธารณะนากาจิมะ (Nakajima Park) สวนขนาดใหญ่ในเมืองที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์ ร้านน้ำชา ศาลเจ้าชินโต และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่กิจกรรมที่เราแนะนำที่สุดคือการเดินเล่นรอบทะเลสาบอันเงียบสงบ ลองหยิบกาแฟสักแก้วจากร้านแผงลอย นั่งชิลดูเป็ดว่ายน้ำเล่นในทะเลสาบ รับรองว่านี่จะเป็นการเดินยามเช้าที่สมบูรณ์แบบ!

ไปต่อกันที่ตลาดนิโจ (Nijo Market) ตลาดขายอาหารทะเลสด หลายร้านมีครัวอยู่ด้านหลัง เพื่อรอปรุงอาหารทะเลตามที่เราเลือก! บอกเลยว่าแค่ได้เห็นขนาดของปูยักษ์ก็น่าประทับใจมากแล้ว เดินเลือกอาหารทะเลแล้ว อย่าลืมแหงนมองข้างบนด้วย เราจะได้พบกับโคมไฟทำจากลูกแก้วของชาวประมงและป้ายร้านรูปปลา

พักช้อปปิ้งและทานอาหารที่จุดหมายถัดไปของเรา ซัปโปโรแฟคทอรี (Sapporo Factory) ศูนย์การค้าสร้างขึ้นบนพื้นที่ตั้งเดิมของโรงเบียร์แห่งแรกในญี่ปุ่น บริเวณโถงตรงกลางเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต ส่วนภายในศูนย์การค้าก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีทั้งร้านค้าให้ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ ให้เลือกสนุกสนาน

เมื่อพูดถึงซัปโปโรก็ต้องนึกถึงเบียร์ ถึงเวลาสัมผัสประวัติศาสตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ กับการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารโรงเบียร์เก่าอีกแห่งหนึ่งของซัปโปโร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถเข้าชมได้ฟรี ภายในพิพิธภัณฑ์เล่าถึงประวัติของเบียร์ซัปโปโรตั้งแต่สมัยแรก ๆ ที่เบียร์ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจ อย่างหม้อต้มเบียร์ขนาดใหญ่ และโปสเตอร์ย้อนยุคของซัปโปโร ก่อนออกจากพิพิธภัณฑ์จะได้เจอกับลานเบียร์ให้เรานั่งดื่มได้ เมนูยอดนิยมคือเบียร์สามชนิดจากเบียร์เก่าแก่ของซัปโปโร

ก่อนพระอาทิตย์จะตก มีจุดหมายสุดท้ายที่อยากแนะนำให้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่เดินทางมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี คือมหาวิทยาลัยฮอกไกโด (Hokkaido University) ห้ามพลาดกับทางเดินเก็บใบแปะก๊วยของมหาวิทยาลัยฮอกไกโด (Hokkaido University Ginkgo Avenue) บนทางเดินยาว 380 เมตรนี้มีต้นแปะก๊วยสูงใหญ่เรียงรายสองข้างทางและทิ้งใบแปะก๊วยสีเหลืองไว้ตลอดทาง เนื่องจากตั้งอยู่ในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัย บรรยากาศที่นี่จึงเงียบสงบและผ่อนคลาย เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเพลิดเพลินกับอากาศยามบ่ายก่อนจะเดินกลับไปรับแว่นตาที่ JINS (หรือขึ้นรถบัสก็ได้)

จบค่ำคืนในซัปโปโรกับแว่นตาคู่ใหม่จาก JINS

ไม่ว่าเราจะเที่ยวสไตล์ไหน จะเลือกใช้เวลาในซัปโปโรแบบใด ไม่ว่าจะใช้ไปกับการชมความงามของเมืองยามค่ำคืน ลิ้มลองรสชาติอาหารขึ้นชื่อของฮอกไกโด ชิมเบียร์ท้องถิ่น หรือแค่ผ่อนคลายใต้ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามของเมือง จุดหมายสุดท้ายคือการกลับไปนับแว่นตาคู่ใหม่ของเราที่ JINS เพียงแค่ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 4 ของ Sapporo Stellar Place และสแกน QR โค้ดที่ตู้ล็อกเกอร์รับของเพื่อรับแว่นตา เมื่อแว่นตาใหม่พร้อมใช้งานแล้วก็สามารถกลับไปสนุกกับการเดินทาง และมองเห็นซัปโปโรในมุมมองใหม่ที่ชัดเจนขึ้นได้ด้วย!

Follow us @Japankuru on Facebook, Instagram, and Twitter!

  • facebook
  • line

COMMENT

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments
reCaptcha Error: grecaptcha is not defined

FEATURED MEDIA

VIEW MORE →

A Tokyo Winter Must-See: Tokyo Mega Illumination

Event Period: November 2, 2024 ~ January 12, 2025
 *Closed Nov 4~8, Dec 1~6, Dec 25~ Jan 1. End date may be subject to change.
Hours: 16:30 – 21:00 (final admission 20:00)
 *Opening hours may vary depending on scheduled events or congestion, please check the official website for details.
Directions: 2 min. walk from Tokyo Monorail Oikeibajo-Mae Station, 12 min. walk from Keikyu Tachiaigawa Station

#japankuru #tokyowinter #tokyomegaillumination #megaillumination2024 #tokyocitykeiba #도쿄메가일루미네이션 #tokyotrip #oiracecourseillumination

A Tokyo Winter Must-See: Tokyo Mega Illumination Event Period: November 2, 2024 ~ January 12, 2025  *Closed Nov 4~8, Dec 1~6, Dec 25~ Jan 1. End date may be subject to change. Hours: 16:30 – 21:00 (final admission 20:00)  *Opening hours may vary depending on scheduled events or congestion, please check the official website for details. Directions: 2 min. walk from Tokyo Monorail Oikeibajo-Mae Station, 12 min. walk from Keikyu Tachiaigawa Station #japankuru #tokyowinter #tokyomegaillumination #megaillumination2024 #tokyocitykeiba #도쿄메가일루미네이션 #tokyotrip #oiracecourseillumination

1|8

MAP OF JAPAN

SEARCH BY REGION →

    • ฮอกไกโด

      VIEW MORE →

      ฮอกไกโด อยู่ทางเหนือสุดจาก 4 เกาะหลักของญี่ปุ่น บริเวณนี้โด่งดังเรื่องเบียร์ซัปโปโร การผลิตและการกลั่นเบียร์ รวมถึงเทศกาลหิมะ และอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม และยังเหมาะกับเหล่านักชิมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งที่ปลูกในฮอกไกโด แคนตาลูป ผลิตภัณฑ์จากนม ซุปแกงกะหรี่ และมิโซะราเมน

    • นิกิ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด ห่างจากโอตารุประมาณ 30 นาที นิกิเป็นเมืองเล็กๆที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ ทำให้สวนผลไม้ของที่นี่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น เชอร์รี่ มะเขือเทศ และองุ่น มีโรงกลั่นไวน์ และกลายเป็นสถาที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารและไวน์ในเวลาไม่นาน

    • นิเซโกะ ห่างจากสนามบิน New Chitose ประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีรีสอร์ทในฤดูหนาวที่ดีที่สุด และยังเป็นจุดที่ชาวต่างชาติมักแวะมาเยี่ยมเยียน เพราะหิมะของที่นี่มีคุณภาพสูง นุ่มละเอียดดุจผงแป้ง ที่ไม่ว่านักสกี นักสโนว์บอร์ด รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ต้องกลับมาซ้ำ นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อย และออนเซ็นวิวสวยอีกด้วย

    • โอตารุ คือเมืองที่อยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางจากสถานีซัปโปโรประมาณ 30 นาที ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 กิจการการค้าขายและการประมงรุ่งเรืองมาก โดยอาคารที่สร้างในสมัยนั้นก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ย่านคลองโอตารุ ในปัจจุบัน เนื่องจากในอดีตที่นีเป็นศูนย์กลางของการประมง ทำให้มีร้านซูชิกว่า 100 ร้าน ให้เราได้เลือกชิมซูชิสดใหม่ ที่มีคนต่อแถวยาวบริเวณถนนซูชิ (Sushi Street)

    • SAPPORO

      VIEW MORE →

      ซับโปโร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด เป็นศูนย์กลางของการเมืองและเศรษฐกิจของฮอกไกโด มีสนามบินชินจิโตะเสะ (New Chitose Airport) ที่รองรับเที่ยวบินจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียว โอซาก้า และเที่ยวบินจากต่างประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลหิมะขึ้นที่สวนโอโดริ (Odori Park) หนึ่งในงานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของฮอกไกโด และยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย ทั้งราเมน เนื้อแกะย่าง ซุปแกงกะหรี่ และอาหารทะเล

    • โทโฮคุ

      VIEW MORE →

      โทโฮคุประกอบด้วย 6 จังหวัดที่อยู่ทางภาคอีสานญี่ปุ่น เป็นแหล่งปลูกพืชที่สำคัญ (แหล่งอาหารชั้นเยี่ยม) เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม พร้อมทั้งภูเขา ทะเลสาบ และแหล่งออนเซ็น

    • ฟุกุชิมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุชิมะ อยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ และแบ่งออกเป็น 3 เขตใหญ่คือ ฮามะโดริ (ชายฝั่ง) นากะโดริ (ตอนกลางของจังหวัด) และไอซุ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยเอโดะ อุทยานแห่งชาติโอเซะ ราเมคิตะคะตะ Bandai Ski Resort (พาวเดอร์สโนว์) เป็นจังหวัดที่สามารถเที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดู

    • ยามากาตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดยามากาตะ อยูในภูมิภาคโทโฮคุ หรือภาคอีสานของญี่ปุ่น ผู้คนนิยมไปเที่ยวในฤดูหนาว แช่ออนเซ็นและเล่นสกี โดยเฉพาะที่ Zao Onsen Ski Resort และที่ Gassan Ski Resort ชมความงามของหิมะที่ปกคลุมต้นไม้ จนหลายคนเรียกว่าปีศาจหิมะ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป เช่น วัด Risshakuji หรือวัด Yamadera, Ginzan Onsen ออนเซ็นบนถนนเก่าแก่ และทะเลสาบโอคามะ บนเขาซาโอะ นอกจากนี้ยังมีเนื้อโยเนซาวะ 1 ใน 3 อันดับเนื้อวากิวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น

    • อาคิตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดอาคิตะ อยู่บริเวณทะเลญี่ปุ่น ทางตอนเหนือสุดของภูมิภาคโทโฮคุ มีสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้มากที่สุดในญี่ปุ่น เช่น ประเพณีนามะฮาเกะ ที่แหลมโอกะ (ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ว่าเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้) และเทศกาลคันโต เทศกาลชื่อดังของภูมิภาคโทโฮคุ

    • คันโต

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในญี่ปุ่น ประกอบด้วย 7 จังหวัดคือ กุมมะ โทจิกิ อิบารากิ ไซตามะ โตเกียว ชิบะ และคานากาวะ ศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจ ความสนุกสนาน ความบันเทิงที่พบได้จะมีตั้งแต่ออนเซ็น สวนสนุก ธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบระยะสั้นเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืน

    • กุนมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดกุนมะ เดินทางสะดวก มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เช่น โอเสะ น้ำตกฟุกุวาเระ รวมถึงแหล่งออนเซ็นชื่อดัง (คุซัตสึ, อิกาโฮะ, มินาคามิ, ชิมะ) จนถูกเรียกว่าเป็นเมืองออนเซ็น และยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และคนรักรถไฟอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรงไหมโทมิโอกะ สะพานเมกาเนะบาชิ และทางรถไฟวาตาระเสะเคโคคุ

    • โตเกียว

      VIEW MORE →

      โตเกียว (東京) เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งความทันสมัย ตึกสูงเสียดฟ้า และผู้คนจำนวนมาก แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ทั้งพระราชวังอิมพีเรียล ย่านอาซากุสะ และยังเป็นเมืองอันดับต้นๆของโลกที่โดดเด่นในเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะ แฟชั่น เกมส์ เทคโนโลยี การคมนาคม และอื่นๆอีกมากมาย

    • โทจิกิ

      VIEW MORE →

      จังหวัดโทจิกิ มีเมืองสำคัญคือเมืองอุสึโนมิยะ ที่มีเกี๊ยวซ่าอันโด่งดัง และอยู่ห่างจากโตเกียวเพียง 1 ชั่วโมง มีธรรมชาติที่สวยงามให้ชมตลอดปี ตั้งแต่ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ไปจนถึงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นิกกโก เมืองมรดกโลก ศาลเจ้าโทโชกุ ทะเลสาบชูเซ็นจิ สวนดอกไม้อะชิคากะ (ดังเรื่องดอกวิสทีเรีย) รวมถึงเมืองนาซุ ที่เป็นที่นิยมในการท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการที่เป็นที่แปรพระราชฐานของจักรพรรดิญี่ปุ่น

    • ชูบุ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคชูบุ ตั้งอยู่บริเวณกลางประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ ไอจิ ฟุกุอิ กิฟุ อิชิคาว่า นางาโนะ นีกาตะ ชิซูโอกะ โทยาม่า และยามานาชิ บริเวณนี้มีชื่อเสียงเรื่องภูเขา โดยเฉพาะภูเขาไฟฟูจิ และเจแปนแอลป์ สกีรีสอร์ทในจังหวัดนางาโนะและจังหวัดนีกาตะ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูหนาว

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดชิซึโอกะ อยู่ตรงกลางระหว่างภาคตะวันตกและตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้ไม่ว่าจะเดินทางจากโตเกียวหรือโอซาก้าก็สะดวก มีธรรมชาติที่สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ ทะเลสาบฮามานาโกะ หุบเขาสุมาตะ คาบสมุทรอิซุ (แหล่งออนเซ็นอะตามิ อิโตะ ชิโมดะ ชูเซ็นจิ และโดกะชิมะ) นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยังมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของตะกูลโทกุกาว่า มีเมนูขึ้นชื่อคือปลาไหล เกี๊ยวซ่าของฮามามัตสึ และชาเขียวคุณภาพดี

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดนากาโนะ เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่นปราสาทคุมาโมโต้ วัดเซ็นโคจิ ศาลเจ้าโทกะคุชิ รวมถึงไฮไลท์ก็คือ เจแปนแอลป์ ผลไม้ของนากาโนะก็เป็นอีกอย่างที่มีชื่อเสียง ซึ่งเห็นได้จากสวนผลไม้ที่มีกิจกรรมให้เก็บผลไม้หลายชนิด และแหล่งออนเซ็นอย่าง Jigokudani ลิงแช่ออนเซ็น การเดินทางไปยังนากาโนะก็แสนง่าย เพราะมีรถไฟชินคันเซ็น โฮคุริคุ จากโตเกียวไปถึงนากาโนะ และเมื่อปี 1998 มีการจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่นากาโนะ ทำให้สกีรีสอร์ทที่ ฮาคุบะและชิกะโคเก็น กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

    • นาโกย่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดไอจิ ตั้งอยู่ใจกลางประเทศญี่ปุ่น มีเมืองนาโกย่าเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ไอจิเป็นเมืองอุตสาหกรรม และยังบ้านเกิดของรถยี่ห้อโตโยต้า มีพร้อมทั้งทะเลและภูเขา เช่น เกาะซาคุ หาดโคอิจิกาฮามะ เขาโฮราอิจิ ในอดีตเป็นเวทีในการต่อสู้ เช่น ในสมัยเซ็นโกคุ โอดะ โนบุนากะ, โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และโทกุกาว่า อิเอยาสุ ก็ได้ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ที่นี่ เช่น ปราสาทนาโกย่า ปราสาทอินุยามะ รวมถึงเมจิมูระ

    • นีงะตะ

      VIEW MORE →

      จ.นีงะตะตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู ติดกับทะเลญี่ปุ่น เต็มไปด้วยของขวัญจากธรรมชาติ มีสกีรีสอร์ตชื่อดังอย่างเช่น Echigo-Yuzawa อุทยานแห่งชาติ ออนเซ็นธรรมชาติ ซีฟู้ดสดใหม่ ข้าวญี่ปุ่น และสาเก นักท่องเที่ยวนิยมพักผ่อนในเมืองนีงะตะ และเกาะซาโด

    • คันไซ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคคันไซประกอบด้วยจังหวัดมิเอะ นารา วากายาม่า เกียวโต โอซาก้า เฮียวโกะ และชิกะ เมืองหลวงเก่าอย่าเกียวโตก็อยู่ในภูมิภาคคันไซ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของญี่ปุ่น ทั้งวัดและศาลเจ้าที่เกียวโต ปราสาทโอซาก้า และกวางที่นารา อีกทั้งผู้คนในแถบคันไซยังเป็นมิตร จึงเหมาะกับการเป็นสถานที่พักผ่อน

    • นารา

      VIEW MORE →

      จังหวัดนารา เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในอดีต ช่วงยุคนารา หรือราวค.ศ 710 ในช่วงที่นาราเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้นถูกเรียกว่า "เฮโจเกียว" และยังเป็นเส้นทางสายไหม ที่เฟื่องฟูไปยังนานาชาติและผลิตสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมมากมาย สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังนาราก็คือ สวนนารา ที่เต็มไปด้วยกวาง การปีนเขาโยชิโนะ และจุดชมซากุระ

    • เกียวโต

      VIEW MORE →

      เกียวโต เคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นตั้งแต่ปีค.ศ.794-1100 ที่เป็นศูนย์กลางในด้านการเมืองและวัฒนธรรม ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นถนนกิอง วัดทอง วัดน้ำใส และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง แม้แต่ป่าไผ่อาราชิยาม่าอันโด่งดัง ที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชมความงาม ที่หมุนเวียนไปตลอดทั้ง 4 ฤดู

    • โอซาก้า

      VIEW MORE →

      โอซาก้า เป็นเมืองที่ผู้คนเป็นมิตรและมีแต่ความสนุกสนาน แต่ประวัติศาสตร์ของที่นี่ไม่ได้สนุกเหมือนกับในปัจจุบัน เพราะโอซาก้านั้นมีส่วนสำคัญในการรวมญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 16 ทำให้โอซาก้าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่น มีเมนูอาหารชื่อดัง จนได้ชื่อว่าเป็น "ครัวของญี่ปุ่น" ในปัจจุบันโอซาก้าเป็นต้นแบบของญี่ปุ่นตะวันตก ที่มาพร้อมกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทโอซาก้า แหล่งช้อปปิ้งย่านอุเมดะอย่าง Grand Front Osaka และ Abeno Harukas โอซาก้าเป็นสวรรค์ของนักชิม มาพร้อมกับเมนูขึ้นชื่อย่าง ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ และคุชิคัตสึ รวมถึงเป็นที่ตั้งของสวนสนุก Universal Studios Japan อีกด้วย

    • ชูโกกุ

      VIEW MORE →

      ชูโกกุ ประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ ฮิโรชิม่า โอคายาม่า ชิมาเนะ ทตโตริ และยามากุจิ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคือ เนินทราย (ทตโตริ) และ สวนสันติภาพ (ฮิโรชิม่า) และเมื่อข้ามน้ำไปยังชิโกกุที่มีด้วยกัน 4 จังหวัดคือ เอฮิเมะ คากาวะ โคจิ และโทคุชิม่า ขึ้นชื่อเรื่องอุด้ง (คากาวะ) และโดโกะออนเซ็น (เอฮิเมะ)

    • ฮิโรชิม่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดฮิโรชิม่า มีทั้งแหล่งมรดกโลก ธรรมชาติ และอาหารอร่อย สามารถนั่นเครื่องบินจากโตเกียวโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ครึ่ง และนั่งรถไฟ 4 ชั่วโมง มีแหล่งมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO 2 แห่ง คือ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะบนเกาะมิยาจิมะ และ Atomic Bomb Dome นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลจากทะเลในเซโต โดยเฉพาะหอยนางรม โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า เลมอเซโตอุจิ และธรรมชาติที่สวยงามสะกดสายตา

    • ชิโกกุ

      VIEW MORE →

      On the other side of the Seto Inland Sea opposite Japan’s main island, Shikoku (四国) is a region made up of four prefectures: Ehime, Kagawa, Kochi, and Tokushima. The area is famous for its udon (in Kagawa), and the beautiful Dogo Onsen hot springs (in Ehime).

    • คากาวะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดคากาวะ อยู่ทางตอนเหนือของเกาะชิโกกุ ติดกับเกาะหลักของญี่ปุ่นและทะเลในเซโต เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น มีซานุกิอุด้งชื่อดัง จนทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า เมืองอุด้ง มีศาลเจ้าโกโตฮิรากุและสวนริสึริน ว่ากันว่าหากมองไปที่ Zenigata Sunae หรือภาพวาดจากทราย จะทำให้ไม่ขัดสนเรื่องเงินตลอดไป

    • คิวชู

      VIEW MORE →

      เกาะคิวชู ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น มีด้วยกัน 7 จังหวัด คือ ฟุกุโอกะ ซากะ นางาซากิ คุมาโมโต้ โออิตะ มิยาซากิ และคาโกชิม่า เกาะนี้มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากที่อื่น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากจีนและฮอลันดา เข้ามาทำการค้าในสมัยก่อน โดยมิชชันนารีเข้ามาทางท่าเรืองในจ.นางาซากิ และต้องขอบคุณการระเบิดของภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ที่ทำให้ที่นี่มีพร้อมทั้งวิวทิวทัศน์ ธรรมชาติ อาหาร แหล่งออนเซ็นที่สวยงาม

    • คาโกชิม่า

      VIEW MORE →

      คาโกชิมะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสิ่งใหม่ๆของญี่ปุ่น โดยมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงในอดีต เช่น ซามูไร ไซโกะ ทาคาโมริ และ โอคุโบะ โทชิมิจิ ผู้ผลักดันญี่ปุ่นจากยุคเอโดะมายังยุคเมจิ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ สวนเซ็นกันเอ็น ภูเขาไฟซากุระจิมะ ออนเซ็นอิบุสุกิ ออนเซ็นคิริชิมะ เกาะยาคุชิมะ แหล่งมรดกโลก หรือเกาะอะมามิโอชิมะ เกาะที่ว่ากันว่าอยู่ใกล้สวรรค์มากที่สุด แม้จะตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะหลัก แต่คาโกชิมะก็เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่รอให้ไปชมมากมาย

    • ฟุกุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นเมืองที่มีประชากรอยู่มากที่สุดในภูมิภาคคิวชู มี 2 เมืองใหญ่คือ ฟุกุโอกะและคิตะคิวชู การท่องเที่ยวในฟุกุโอกะนั้นสะดวกสบาย ทำให้สามารถไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าดาไซฟู เท็นมังกุ มตสึนาเบะ(หม้อไฟเครื่องใน) ไข่ปลาเม็นไทโกะ(ไข่ปลาคอตรสเผ็ด) และราเมนฮากาตะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเหมาะกับทั้งคนที่ชอบช้อปปิ้ง และชอบธรรมชาติ

    • โอกินาว่า

      VIEW MORE →

      เกาะโอกินาว่านั้นอยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นส่วนที่ร้อนที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จากในอดีตที่มีการปกครองตนเอง และเหตุการณ์ทางการเมือง และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้โอกินาว่าที่วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีวัฒนธรรมจากอาณาจักรริวกิวหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภาษา เสื้อผ้า นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของคาราเต้อีกด้วย

RELATED ARTICLES

PARTNERS