กิจกรรมประจำปีของนักช็อปกับถุงโชคดี (Lucky Bag, 福袋) ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของญี่ปุ่น

ขาช็อปทั้งหลาย โดยเฉพาะสายญี่ปุ่น ต้องเคยได้ยินชื่อของ “ถุงโชคดี”  (Lucky Bag, 福袋) ว่ามันคุ้มและถูกขนาดไหน ถุงใบเดียวอัดแน่นมาด้วยสินค้าหลายชิ้น บางแห่งก็จะระบุไว้เลยว่าภายในถุงนั้นมีอะไร แต่บางแห่งก็ให้ไปลุ้นกันเองเลือกได้แค่ไซส์ ซึ่งรวมมูลค่าของสินค้าแล้วจะถูกกว่าซื้อแยกชิ้นเสียอีก หลายคนต้องไปรอต่อแถวเพื่อซื้อล่วงหน้ากันเลยทีเดียว แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดในปีนี้ ทำให้หลายแห่งเปลี่ยนวิธีการซื้อเป็นแบบออนไลน์ หรือจองล่วงหน้าในอินเตอร์เน็ตและไปรับหน้าร้านแทน

ถุงโชคดีวางขายเมื่อไหร่?

บรรดาร้านค้าจะเริ่มขายถุงโชคดีหลังวันปีใหม่เป็นต้นไป หลายแห่งมีการเปิดให้จองถุงโชคดีล่วงหน้า ซึ่งอย่างเร็วที่เราพบก็คือ เดือนตุลาคม! โดยมักจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง แต่สินค้าอื่นๆนอกจากนี้ก็มีเช่นกัน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร และจะจัดส่งให้หลังวันปีใหม่ 

Amazon
หากเลือกไม่ถูก ไม่รู้จะเลือกแบรนด์ไหนดี ดูลายตาไปหมด บนเว็บไซต์ Amazon ก็มีหลากหลายแบรนด์ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่น และแบรนด์ต่างประเทศ โดยเราเพียงแต่ต้องกะขนาดเสื้อผ้าให้ดี หากเป็นแบรนด์ที่ใส่เป็นประจำอยู่แล้วก็จะง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นแบรนด์ที่ไม่ค่อยได้ใส่ก็ต้องเลือกไซส์กันให้ดี

แมคโดนัลด์
แม้กระทั่งร้านฟาสต์ฟู้ดอย่างแมคโดนัลด์ ก็มีถุงโชคดีกับเค้าเหมือนกัน! ซึ่งจะมาพร้อมกับ คูปองสำหรับซื้ออาหาร (เบอร์เกอร์รสชาติที่กำหนดไว้ 7 ใบ, เฟรนช์ฟรายไซส์ S 3 ใบ และนักเก็ต 5 ชิ้น 3 ใบ), กระเป๋าสะพายผ้า Coleman X Mc Donalds, กระเป๋าใบเล็ก 1 ใบ, แก้ว mug 1 ใบ และนาฬิการูปเฟรนช์ฟราย 1 เรือน

สำหรับคนที่ชื่นชอบฟาสต์ฟู้ด โดยเฉพาะแมคโดนัล ถุงโชคดีใบนี้ถือว่าคุ้มสุดๆ
 

Ikea
แบ่งหมวดหมู่สินค้าเป็นประเภท การจัดเก็บสิ่งของ, sustainable items, อุปกรณ์ทำอาหาร, sustainable food และคราฟต์เบียร์จากสวีเดน ในราคาเพียง 2,021 เยน! 

(หมดเขตการจอง 20 ธันวาคม 2020)
 

Yojiya
แบรนด์เครื่องสำอางจากญี่ปุ่น ที่โด่งดังเรื่องกระดาษซับมัน ของฝากจากเกียวโต ก็ได้รวบรวมเอาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมาจัดเซ็ตเป็นถุงโชคดี ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีกระดาษซับมันอยู่ด้วยแน่นอน โดยจะแบ่งเป็นเซ็ตละ 3,000 เยน 5,000 เยน และ 10,000 เยน ซึ่งของภายในถุงก็จะแตกต่างกันไป

ระยะเวลาการจอง 1 – 23 ธันวาคม 2020

ข้อดีของถุงโชคดีที่เด่นที่สุดก็คือ ได้สินค้ามาในราคาที่ถูกกว่าปกติ แต่บางครั้งก็มักจะได้สินค้าที่เราไม่ต้องการติดมาด้วยเช่นกัน แต่มันก็ถือเป็นการเปิดใจให้เราได้ลองใช้สิ่งที่เรามองข้ามไป อย่างเราเคยซื้อถุงโชคดีจากแบรนด์เสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง หลายชิ้นในนั้นค่อนข้างถูกใจ แต่ก็จะมีเสื้อลายทางตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นแบบที่เราไม่เคยคิดจะซื้อมันเลยติดมาด้วย ก็ได้ลองใส่ ซึ่งผลปรากฎว่ามันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด และมันก็ทำให้เราได้ลองอะไรใหม่ๆอีกด้วย 

สำหรับนักช้อปทั้งหลาย เตรียมกระเป๋าสตางค์ให้พร้อม แล้วไปช้อปต้อนรับปีใหม่กัน สำหรับห้างสรรพสินค้าในญี่ปุ่นมักจะหยุดกันตั้งแต่วันสิ้นปีจนถึงวันที่ 1 มกราคม และเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 2 มกราคมเป็นต้นไป (บางแห่งเริ่มเปิดทำการปกติวันที่ 3 มกราคม) โปรดตรวจสอบจากเว็บไซต์ของห้างสรรพสินค้าอีกครั้งหนึ่ง

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยว และการอัปเดตจากญี่ปุ่นกับ Japankuru ได้ทาง Facebook และ Twitter