รู้หรือไม่ ว่าวิธีการเดินทางจากโตเกียวไปฮอกไกโดไม่ได้มีแค่เครื่องบินหรือรถไฟ แต่ยังมีเรือเฟอร์รี่ด้วย ชวนมาลองเปลี่ยนบรรยากาศ ออกเดินทางไปกับเรือเฟอร์รี่ในฝัน “Sunflower” พร้อมห้องพักกว้างขวาง อาหารอร่อย สิ่งอำนวยความสะดวกครบ!

Sunflower ออกเดินทางจากโตเกียวไปฮอกไกโด

อยากเที่ยวทั้งโตเกียวและฮอกไกโด แต่อยู่ห่างกันมากเลยทำยังไงดี? จะนั่งชินคันเซ็นไปก็เบื่อ ขอแนะนำให้มาลองใช้บริการเรือเฟอร์รี่ MOL Sunflower ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการมากมาย จนแทบจะเรียกว่าเป็นโรงแรมเคลื่อนที่ได้แล้ว มาเปลี่ยนบรรยากาศและเพลิดเพลินไปกับทัวร์เรือเฟอร์รี่สุดพิเศษกันเถอะ!   

ในบทความนี้ ทีมงาน Japankuru จะแนะนำทุกเรื่องเกี่ยวกับบริการเรือเฟอร์รี่ MOL Sunflower ทั้งวิธีการจอง วิธีการเดินทาง บริการบนเรือ และแนะนำจุดท่องเที่ยวในแถบฟุราโนะและบิเอะที่ไม่ควรพลาด!

Mitsui O.S.K. Lines Sunflower (เส้นทางในเมือง – ฮอกไกโด)
Official Website (en)

จากโตเกียวมุ่งหน้าสู่ “ท่าเรือข้ามฟากโออาไร” 

จากโตเกียวไปขึ้นเรือยังไงได้บ้าง เราได้รวบรวมวิธีการเดินทางไว้ให้แล้ว ง่าย ๆ ทั้งรถบัสหรือรถไฟ

โดยเริ่มสตาร์ทที่สถานีโตเกียว ไปขึ้นเรือ Sunflower ที่ท่าเรือโออาไรในจังหวัดอิบารากิ(ติดกับโตเกียว!) และมุ่งหน้าต่อไปยังฮอกไกโดอันเป็นจุดหมายปลายทาง

① สถานีโตเกียว→สถานีมิโตะ จังหวัดอิบารากิ

รถด่วน (Express Bus)
เพียงออกมาทางออก Yaesu South ก็จะพบกับ “รถบัสด่วนสายมิโตะ” รถด่วนมุ่งหน้าจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีมิโตะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในราคาเพียง 2,250 เยน สามารถซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์ JR Bus ภายในสถานีโตเกียว หรือจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ

รถไฟ
หรือหากต้องการลดระยะเวลาเดินทางอีกเล็กน้อย ขอแนะนำเป็นรถไฟด่วนพิเศษสาย Hitachi-Tokiwa ราคา 3,890 เยน ที่จะพาเราเดินทางถึงสถานีมิโตะในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงนิด ๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟด้วย

② สถานีมิโตะ → สถานีโออาไร จังหวัดอิบารากิ

หลังจากถึงสถานีมิโตะแล้วก็ไปกันต่ออออ! เดินทางไปยังสถานีโออาไรด้วยรถไฟคาชิมะรินไก สายโออาไรคาชิมะ รถไฟท้องถิ่นแนวย้อนยุคประจำจังหวัดอิบารากิ เพียงแค่ 330 เยนก็เอาอยู่ และใช้เวลาประมาณ 14 นาทีเท่านั้น ชมวิวชนบทของจังหวัดอิบารากิไปพลาง เพลิน ๆ แป้ปเดียวก็ถึงแล้ว

③ สถานีโออาไร→ ท่าเรือเฟอร์รีท่าเรือโออาไร

มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง หรือก็คือท่าเรือข้ามฟากโออาไรกัน! เราสามารถเดินจากสถานีรถไฟโออาไรไปยังท่าเรือข้ามฟากโออาไรได้ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือจะนั่งรถแท็กซี่ไปก็ได้ เพียงแค่ 600-800 เยนก็เอาอยู่!

เรือเฟอร์รี่หรือโรงแรมเคลื่อนที่!?!

ห้องพักสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียวหรือมากับเพื่อน ๆ

^{รูปด้านบน: ห้อง Premium / รูปด้านล่างซ้ายและขวาตามลำดับ: Superior ocean-view (สไตล์ญี่ปุ่นผสมตะวันตก) และ Superior ocean-view (สไตล์ญี่ปุ่น)}

เมื่อก้าวขึ้นมาบนเรือเฟอร์รี่ จะพบกับพื้นที่ส่วนกลางและห้องเรียงราย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงแรม จนแทบลืมไปแล้วว่านี่อยู่บนเรือเฟอร์รี่ 

เนื่องจากการเดินทางโดยเรือเฟอร์รี่มักจะใช้เวลาข้ามคืน จึงมีห้องพักหลากหลายเตรียมพร้อมสำหรับนักเดินทางทุกคน เราสามารถเลือกห้องที่เหมาะกับความต้องการและรูปแบบการเดินทางของเราได้ ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียวหรือมาเป็นหมู่คณะ สำหรับใครที่มาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ตั้งแต่ 2-4 คนขึ้นไป ขอแนะนำห้อง Premium ที่มาพร้อมระเบียงส่วนตัว หรือจะเป็นห้อง Superior ocean-view ที่มองเห็นทะเลได้กว้างสุดลูกหูลูกตา มีถึง 2 สไตล์ให้เลือก ทั้งสไตล์ญี่ปุ่นผสมตะวันตกและสไตล์ญี่ปุ่นพื้นเสื่อทาทามิ นอกจากนี้ยังมีบางห้องพักที่ pet friendly สามารถนำน้อง ๆ หนู ๆ ขนปุยเข้ามาอยู่ด้วยได้ สำหรับใครที่เดินทางมากับสัตว์เลี้ยงห้ามพลาดเลย! 

^{（รูปซ้าย: ห้อง Tourist / รูปขวา: ห้อง Comfort}

สำหรับใครที่เดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะบนเรือเฟอร์รี่มีห้อง Tourist ซึ่งเป็นห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับได้ถึง 25 คนเลยทีเดียว ภายในจะเป็นห้องกว้าง ๆ มีจัดเตรียมเบาะไว้ให้สำหรับปูนอน และมีม่านกันแต่ละเบาะเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวระหว่างนอน 

หรือสำหรับใครที่เดินทางคนเดียวและต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น แนะนำเป็นห้อง Comfort ที่คล้าย ๆ โรงแรมแคปซูลบวกกับมีความไพรเวทกว่า เรียกได้ว่าไม่ว่าจะมาคนเดียวหรือมาเป็นกลุ่มใหญ่ เฟอร์รี่ Sunflower ก็มีห้องทุกแบบที่ทุกคนต้องการ

รายละเอียดห้องพักของเฟอร์รี่ Sunflower
ประเภทห้องพักเรือเฟอร์รี่รอบเย็น / ประเภทห้องพักเรือเฟอร์รี่รอบค่ำ

ชิมอาหารทะเลใจกลางทะเล

ขี้นเรือรอบเย็น(รอบ 19:45 น.) และอยู่บนเรือเฟอร์รี่อีกเกือบวัน จะมีอะไรกินไหม? ไม่ต้องกังวลไป เพราะบนเรือเฟอร์รี่  Sunflower มีร้านอาหารมื้อค่ำ*ให้เราได้อิ่มท้องและเพลิดเพลินกับวิวมหาสมุทรระหว่างทาง จัดเป็นลักษณะแบบบุฟเฟ่ต์ที่มีอาหารหลากหลายตักได้ไม่อั้น ประกอบด้วยอาหารจานหลัก เครื่องเคียง สลัด เครื่องดื่ม และของหวาน โดยอาหารหลายจานปรุงโดยวัตถุดิบตามฤดูกาลในท้องถิ่นจากอิบารากิและฮอกไกโด 

ในช่วงเช้าก็มีให้บริการอาหารเช้า และจิบกาแฟพร้อมมื้อของว่างเบา ๆ ช่วงเที่ยง(11:30-12:30 น.) ก่อนที่จะถึงฮฮกไกโดช่วงบ่ายตามกำหนดการ

สิ่งที่พิเศษนอกจากอาหารแสนอร่อยแล้ว ทั่วทั้งร้านยังห้อมล้อมด้วยหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นวิวด้านนอก แนะนำให้รีบมาจับจองที่นั่งริมหน้าต่างเพื่อเพลิดเพลินกับวิวอันแสนวิเศษ

ข้อมูลร้านอาหาร (โดยสารรอบเย็น)

*อาหารมีจำนวนจำกัดและอาจไม่ได้มีให้บริการในบางช่วงเวลาของปี

กินคาวแล้วก็ต้องกินหวาน! บนเรือ Sunflower มีร้านของหวานทั้งไอศกรีม น้ำหวาน รวมถึงแอลกอฮอล์จำหน่ายเต็มชั้นวาง นอกจากนี้ยังมีร้านขายผลิตภัณฑ์ออริจินัลจากฮอกไกโดและอิบารากิ ที่เหมาะจะซื้อกลับไปเป็นของฝาก ไม่เพียงเท่านั้น บนเรือยังมีร้านจำหน่ายของใช้จำเป็นสำหรับใครที่อาจจะลืมเอาแปรงสีฟันยาสีฟันมา 

อย่าลืมมาเลือกซื้อของฝากหรือซื้อขนมสำหรับกินเล่นเป็นของว่างในห้องพักในขณะที่เรือเฟอร์รี่จะพามุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังฮอกไกโด

สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ ใจกลางทะเล

บนเรือ Sunflower เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่จะช่วยให้เราเพลิดเพลินตลอดทริปจนลืมเวลาไปเลย จะใช้เวลาพักผ่อนให้เต็มที่ในห้องพักก่อนเดินทางถึงฮอกไกโดหรือจะออกมาใช้บริการส่วนกลางของเรือเฟอร์รี่ Sunflower ก็ได้

หนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนี้ และน่าจะสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับคนไทยอย่างเรา ๆ ก็คืออ่างอาบน้ำและห้องซาวน่า ที่มาพร้อมหน้าต่างบานใหญ่มองออกไปเห็นวิวของมหาสมุทรกว้างสุดลูกหูลูกตา ซึ่งผู้เข้าพักบนเรือสามารถใช้บริการได้ฟรี ถึงแม้ในญี่ปุ่นจะมีโรงอาบน้ำหลายแห่งที่สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ได้ แต่วิวมหาสมุทรเคลื่อนที่แบบนี้ บอกเลยว่ามีแค่บนเรือนี้เท่านั้น! 

ไม่เพียงแต่บริการสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น บน Sunflower ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ ที่เด็ก ๆ ก็สามารถเพลิดเพลินได้อย่างโซน Kids Land และในโซน Game ที่มีทั้งตู้คีบตุ๊กตา ตู้เกมจับ UFO หรือตู้ปาจิงโกะ หลังจากเล่นเกมมาเหนื่อย ๆ ก็แวะมาผ่อนคลายบนเก้าอี้นวดได้ นอกจากนี้ยังมีตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติที่สามารถใช้ได้ตอนร้านอาหารปิดแล้ว เรียกได้ว่าครบจบบนเรือเดียว

นอกจากนี้ยังมี “Promenade” โถงส่วนกลางขนาดใหญ่ ด้วยความที่ตัวเรือค่อนข้างใหญ่ ทำให้ส่วนห้องโถงนี้ใหญ่ตามไปด้วย มีที่นั่งเยอะเลือกนั่งได้สบาย ๆ เหมาะกับการมานั่งชมวิวทะเลและพักผ่อนหย่อนใจ

ประสบการณ์สุดพิเศษเฉพาะตัวของเรือ Sunflower ที่ห้ามพลาด

ขึ้นมาบนเรือทั้งที ลองสวมบทบาทเป็นกัปตันเรือดูไหม? เพราะบนเรือ Sunflower มีบริการให้เช่าชุดและหมวกกัปตันเรือฟรี! รวมถึงกล้องส่องทางไกล(อันนี้ต้องวางมัดจำค่ากล้องนะ) ให้เราได้เล่นบทบาทสมมติเป็นกัปตันเรือผู้ควบคุม Sunflower บนมหาสมุทรกว้างใหญ่นี้ 

อีกหนึ่งกิจกรรมสุดฮิตคือการชมพระอาทิตย์ขึ้นจากดาดฟ้าเรือ สีแดงสดของพระอาทิตย์ตัดกับสีน้ำเงินเข้มของทะเล บอกเลยว่าสวยสุด ๆ เช็คเวลาแล้วตื่นเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน!

วิธีการจองเรือเฟอร์รี่ Sunflower

สำหรับใครที่สนใจนั่งเรือสุดโรแมนติกจากในเมืองไปยังฮอกไกโด สามารถเข้าไปจองห้องได้ที่ Reservation Page ของ Sunflower (เส้นทางในเมือง – ฮอกไกโด) ทางเว็บเพจมีให้บริการภาษาอังกฤษรองรับชาวต่างชาติอย่างเรา ๆ ด้วย จองด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เลย

^{ที่มาของรูป: MOL Sunflower}

คลิกที่ “Make a reservation“ เพื่อจอง จากนั้นเลือกวันเดินทางและเส้นทางเดินเรือ ถ้าเราเดินทางออกจากโตเกียวไปยังฮอกไกโด ให้เลือกเป็นเส้นทาง “Oarai→Tomakomai” จากนั้นคลิก “Check availability” ห้องที่ว่างอยู่จะโชว์ขึ้นมาเหมือนภาพด้านบน เราก็เลือกรูปแบบห้องพักที่ต้องการได้เลย

หลังจากเลือกห้องที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือเลือกจำนวนคน และหากเราโดยสารพร้อมยานพาหนะหรือสัตว์เลี้ยง ให้กรอกจำนวนยานพาหนะและสัตว์เลี้ยงในขั้นตอนนี้ด้วย 

ถัดไปจะเป็นหน้าของข้อมูลที่จำเป็นต้องทราบก่อนโดยสารเรือเฟอร์รี่ อ่านให้ละเอียดก่อนกดติ๊กถูกที่ช่อง “Confirm Acceptance“ จากนั้นให้คลิกด้านล่างเพื่อไปยังหน้าถัดไป ใครที่ไม่ได้เป็นสมาชิกคลิกช่อง Non-members สำหรับใครที่เป็น Member ใส่ข้อมูลสำหรับ login แล้วคลิกด้านล่างในช่อง Member ได้เลย

ถัดไปจะเป็นหน้าสำหรับกรอกข้อมูลส่วนบุคคลของผู้โดยสาร เช่น ชื่อ เพศ วันเดือนปีเกิด และหมายเลขโทรศัพท์ ในกรณีที่ต้องการรถเข็น ไม้เท้า กำลังตั้งครรภ์ หรือมีความต้องการพิเศษใด ๆ สามารถติ๊กเลือกในช่อง “Declarations” ที่ตรงกับตัวเองได้เลย เมื่อติ๊กแล้วให้กรอกรายละเอียดเพิ่มเติมที่ช่อง “Details of declaration“ ด้านล่าง หลังจากกรอกข้อมูลที่จำเป็นและดำเนินการชำระเงินเรียบร้อย เพียงเท่านี้ก็พร้อมมุ่งหน้าสู่ฮอกไกโดแล้ว!

ในส่วนของร้านอาหาร บนเรือมีเครื่องจำหน่ายตั๋วอยู่หน้าร้าน สามารถซื้อตั๋วได้เลยโดยตรง (เครื่องจำหน่ายตั๋วต้องจ่ายเงินสดเท่านั้น!) 

ในที่สุดก็ถึงฮอกไกโด!

หลังจากสนุกสนานและเพลิดเพลินกับประสบการณ์การล่องเรือ Sunflower มาเกือบวัน ในที่สุดก็มาถึงฮอกไกโดแล้ว! ในบทความนี้ได้เตรียมสถานที่วิวสวยและอาหารอร่อยในเมืองต่าง ๆ อย่างฟุราโนะและมิเอะ พร้อมทิปส์เพื่อช่วยให้วางแผนการเที่ยวได้ง่ายยิ่งขึ้น

สัมผัสธรรมชาติของฮอกไกโด

^{（รูปด้านบน: เส้นทางเดินเขาสู่ปากปล่องภูเขาไฟนุคคาคุชิ / รูปด้านล่าง: บ่อน้ำสีฟ้า）}

มาลองเปิดมุมใหม่ในฮอกไกโด ด้วยการเดินสำรวจเขาโทคาจิดะเกะ หนึ่งในภูเขาไฟคุกรุ่นของญี่ปุ่น เส้นทางการเดินเขาเริ่มจากโทคาจิดะเกะออนเซ็น และปลายทางสิ้นสุดที่ปากปล่อง“นุคคาคุชิ” ที่คุกรุ่นมากว่า 3000 ปีแล้ว เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศภูเขาไฟที่ประเทศไทยไม่มี! โดยทั้งเส้นทางการเดินเขานี้ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นทั้งมือใหม่หัดเดินเขาหรือคนที่มีเวลาไม่มากก็สามารถมาลองเดินได้ หลังจากเดินลงเขาเหนื่อย ๆ แนะนำให้แวะแช่ออนเซ็นผ่อนคลายก่อนไปเที่ยวในจุดถัดไป 

ไม่ไกลจากบริเวณเขาและออนเซ็น เป็นที่ตั้งของ “บ่อน้ำสีฟ้า (Shirogane Blue Pond)” ที่เกิดจากการผสมกันของแร่ธาตุต่าง ๆ อย่างคอลลอยด์และอะลูมิเนียมโดยบังเอิญ จนน้ำกลายเป็นสีฟ้าใส และยังมีตอไม้สูงอยู่ทั่วบริเวณสระ ด้วยเหตุนี้เอง สระแห่งนี้จึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของฮอกไกโด และเป็นไฮไลท์ห้ามพลาดเมื่อแวะมา  

โทคาจิดะเกะออนเซ็น จุดเริ่มต้นเส้นทางเดินเขา
ที่อยู่: Fukiage, Kamifurano, Sorachi District, Hokkaido

บ่อน้ำสีฟ้า (Shirogane Blue Pond)
ที่อยู่: Shirogane, Biei, Kamikawa District, Hokkaido

สวยเหมือนในโฆษณากับจุดถ่ายรูปในบิเอะ

（รูปด้านบนและซ้ายล่าง：ต้น SEVEN STARS / รูปขวาล่าง：ทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ）

ต้นโอ๊กขนาดใหญ่ใจกลางทุ่งหญ้านี้มีชื่อว่าต้น SEVEN STARS ต้นโอ๊กที่ครั้งหนึ่งเคยปรากฎบนซองบุหรี่ยี่ห้อ SEVEN STARS ยอดนิยมของญี่ปุ่น จึงได้ชื่อสุดคูลนี้มา และกลายเป็นอีกแลนด์มาร์กที่คนชอบมาถ่ายรูปและแกล้ง ๆ ทำเป็นถ่ายโฆษณากัน ที่พิเศษคือเราสามารถมาเที่ยวชมได้ทุกฤดู เพราะในทุกฤดูจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ใบไม้สีเขียวสดกับท้องฟ้าสดใสในหน้าร้อน หรือหิมะสีขาวโพลนปกคลุมในหน้าหนาว
(ระวังอย่าบุกรุกเข้าไปเดินภายในทุ่งนาเพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคนในท้องถิ่น ดูข้อควรระวังเพิ่มเติมได้ที่นี่)

ใกล้ ๆ กันมีทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai no oka) สรวงสวรรค์ดอกไม้ 4 ฤดู หรือที่มีชื่อเต็มว่า “Panoramic Flower Gardens Shikisai-no-oka” เนินเขากินพื้นที่กว่า 93 ไร่ ปกคลุมไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่บานสะพรั่งตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง สวนดอกไม้นี้เปิดตลอดทั้งปี แม้ในช่วงฤดูหนาวที่ดอกไม้พากันหลับอยู่ใต้หิมะ เมื่อเขาฤดูหนาวเนินเขาแห่งนี้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะที่นุ่มฟู และกลายสภาพเป็นลานหิมะให้เราได้เล่นกันแทน 
นอกจากสวนดอกไม้ขนาดมหึมาแล้ว ชิกิไซโนะโอกะยังมีฟาร์มอัลปาก้า ที่ให้เราได้เล่นกับน้องอย่างใกล้ชิด รวมถึงร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารท้องถิ่นที่ปรุงจากวัตถุดิบตามฤดูกาลของฮอกไกโดด้วย

ต้น SEVEN STARS
ที่อยู่: Hokuei, Biei, Kamikawa District, Hokkaido

ทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai no oka)
ที่อยู่: Shinsei Dai-3, Biei, Kamikawa District
เวลาเปิดทำการ:
　ช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 9:10-17:00 น.
　ช่วงเดือนพฤษภาคมและเดือนตุลาคม 8:40-17:00 น.
　ช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน 8:40-17:30 น.
　ช่วงเดือนพฤศจิกายน=ธันวาคม 9:10-16:30 น.
Official Website (en)

ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นฮอกไกโด

เพราะฮอกไกโดขึ้นชื่อเรื่องเมล่อน เลยอยากชวนไปลองกินเมล่อนและผลิตภัณฑ์จากเมล่อน ที่ Popura Farm Otaru ขนมหวานไฮไลท์ประจำฟาร์มนี้คือไอศกรีมซอร์ฟเสิร์ฟเนื้อครีมก้อนโตในจานเมล่อนผ่าครึ่ง 

และมาถึงฮอกไกโดทั้งที พลาดไม่ได้เลยกับราเม็ง แนะนำร้าน Furano Goro ราเมงแสนอร่อยในราคาสุดคุ้มที่เมืองฟุราโนะ เสิร์ฟบะหมี่ชามร้อนในซุปรสเข้มข้น มีให้เลือกถึง 3 รสชาติ แบบซุปมิโสะ โชยุ หรือเกลือ ท็อปปิ้งด้วยหมูคามิฟุราโนะย่างชิ้นหนา ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเครื่องเคียงยอดนิยมอย่างไก่ทอดคาราอาเกะ 

Popura Farm Nakafurano
ที่อยู่: Nakafurano, Sorachi District, Hokkaido
เวลาเปิดทำการ: 9:00 – 17:30 น. (ออเดอร์สุดท้ายตอน 17:00 น.)
Official Website (jp)

Furano Goro Ramen (富良野五郎ラーメン)
ที่อยู่: 13-3 Wakamatsucho, Furano, Hokkaido
เวลาเปิดทำการ: 11:00 – 21:00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
Official Website (jp)

ให้เรือเฟอร์รี่ Sunflower พาคุณไปยังจุดหมายปลายทางเถอะ

แม้รถไฟในญี่ปุ่นจะสะดวกและเดินทางไปได้ทุกที่ แต่ก็ยังมีอีกหลายทางเลือกในการเดินทาง ดังนั้นหากคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังมองหาวิธีการเดินทางใหม่ ๆ และอยากสัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษ ๆ ขอแนะนำให้ลองใช้บริการเรือเฟอร์รี่ Sunflower แล้วมาร่วมเพลิดเพลินไปกับมนต์เสน่ห์ใจกลางทะเลญี่ปุ่นกันเถอะ

ติดตามเรื่องราวสนุกอื่น ๆ ส่งตรงจากญี่ปุ่นได้ที่เว็บไซต์ JAPANKURU และ Facebook