Sponsored

ออกเดินทางจากโตเกียว ไปเที่ยวที่ฮอกไกโดด้วยเรือกันเถอะ | ล่องเรือไปกับ Shosen Mitsui Ferry Sunflower

บทความนี้มีเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน

  • X
  • line



ฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งความหนาวของญี่ปุ่น หลายต่อหลายคน เริ่มจะรู้สึกถึงเสน่ห์และความสวยงามอันเหลือล้นของฮอกไกโดกันแล้ว และนั่นก็ทำให้ฮอกไกโดเป็นที่ที่ต้องห้ามพลาดในการไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเลยละ แต่ว่าการจะเดินทางไปฮอกไกโดจากโตเกียวเนี่ย เส้นทางไหนจะดีที่สุดละ? รถไฟหัวกระสุน กับเครื่องบิน ก็คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ว่าสำหรับผู้ที่อยากจะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆที่แตกต่างกันออกไปละ พวกเราก็เลยมีบางสิ่งอยากจะมาแนะนำให้กับเพื่อนๆในวันนี้กัน! เมื่อก่อน JAPANKURU เคยแนะนำเกี่ยวกับเรือเฟอร์รี่ที่จะพาเพื่อนๆล่องไปจากจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ไปยังฮอกไกโดกันไปแล้ว พวกเราเคยแนะนำไปเกี่ยวกับ วิธีการใช้บริการระบบเรือเฟอร์รี่ และสิ่งที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวที่จังหวัดอิบารากิกันไปแล้ว… แต่ว่าพวกเรายังไม่เคยพูดถึงว่าอะไรบ้างที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาถึงยังฮอกไกโด! ดังนั้นสำหรับตอนสุดท้ายของซีรีย์เรือเฟอร์รี่นี้ JAPANKURU จะพาเพื่อนๆไปดูกันใกล้ๆว่าทำไมเพื่อนๆถึงควรจะวางแผนมาเที่ยวที่จังหวัดฮอกไกโดเมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น และอะไรที่ต้องห้ามพลาดเมื่อเดินทางมาถึงเทอมินอลท่าเรือโทมะโกะมาอิ (Tomakomai West Port Ferry Terminal) ของฮอกไกโด



ถ้าหากว่าเพื่อนๆพลาดบทความที่แล้วของพวกเราไป สิ่งแรกที่เพื่อนๆจะต้องทำก็คือ มุ่งตรงไปยังเทอมินอลท่าเรือเฟอร์รี่โออะราอิ (Oarai Port Ferry Terminal) มีทางไปด้วยกันสองทาง คือรถยนต์ส่วนตัว หรือรถบัส เพื่อนๆสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเดินทางไปยังเทอมินอลท่าเรือเฟอร์รี่โออะราอิ (Oarai Port Ferry Terminal) จากโตเกียวได้ที่นี่เลย และเมื่อเพื่อนๆเดินทางมาถึงกันแล้ว เพื่อนๆก็สามารถซื้อตั๋ว หรือมารับตั๋วได้ที่เคาท์เตอร์ด้านหน้าได้เลย จากนั้นก็รอออกเดินทางกัน แต่ว่าขอเตือนสิ่งสำคัญไว้หน่อยว่าที่นี่ จะมีเรือเฟอร์รี่ที่แตกต่างกันอยู่ 2 แบบ ได้แก่ เฟอร์รี่ช่วงเย็น และเฟอร์รี่ช่วงค่ำ ถ้าหากออกจากโออะราอิ (Oarai) เวลาออกเรือของทั้งสองจะได้แก่ 19:45 น. และ 01:45 น. ตามลำดับ ดังนั้นก็เลือกเวลาเรือให้เหมาะสมกับแผนการเดินทางของเพื่อนๆเองนะ!
📅จองได้ที่นี่เลย!
💴ดูราคาเรือเฟอร์รี่ได้ที่นี่เลย!

จากโตเกียว ไปสู่ฮอกไกโด ด้วยเรือเฟอร์รี่ ~

จริงๆแล้วยังมีอีกหลายวิธีการเดินทาง ที่จะเดินทางไปยังฮอกไกโดได้ แต่ว่าด้วยการเดินทางแบบใหม่ แต่ดั้งเดิมสุดๆสำหรับการเดินทางไปยังฮอกไกโด ก็คือเรือเฟอร์รี่นี่แหละ วิธีการเดินทางนี้ มีกุญแจสำคัญที่จะต้องทำอยู่น้อยมาก อย่างที่เราได้เกริ่นไปในข้างต้น เริ่มต้นกันก่อนที่เทอมินอลท่าเรือเฟอร์รี่โออะราอิ (Oarai Port Ferry Terminal) ในอิบารากิ ทั้งหมดที่เพื่อนๆจะต้องทำ ก็มีเพียงแค่ซื้อตั๋วมา เก็บตั๋วให้ดี และรอออกเดินทาง เท่านี้เอง และจากที่นั่น ก็จะล่องเรือไปด้วยความนุ่มนวลสุดๆ เพื่อนๆจะมีห้องนอนสำหรับนอนพักผ่อน ผ่อนคลายกันได้ตามสบาย และยังมาพร้อมกับร้านอาหาร, ห้องอาบน้ำรวม, และอีกมากมายที่จะช่วยให้เพื่อนๆได้ผ่อนคลายความเครียดกัน และพอเพื่อนๆตื่นขึ้นมา ก็จะมาถึงที่ฮอกไกโดกันแล้วละ! แล้วอะไรบ้างละที่เพื่อนๆต้องห้ามพลาด เมื่อมาเที่ยวที่ฮอกไกโดกันน่ะ? มาดูกันต่อที่ข้างล่างนี้เลย พวกเราได้ไปสัมผัสกัน และมีช่วงเวลาที่สุดมหัศจรรย์กันมาแล้วละ~







บ่อน้ำร้อนโนโบริเบะสึ (Noboribetsu Hot Springs (登別温泉))

ออนเซ็นโนโบริเบะสึ (Noboribetsu Onsen (登別温泉)) เป็นหนึ่งในบรรดารีสอร์ทออนเซ็นที่ดีที่สุด และโด่งดังที่สุดในฮอกไกโดเลยละ ด้วยบ่อน้ำร้อนที่มีอยู่จำนวนมากของโนโบริเบะสึนั้น ทำให้แถบนี้ถูกเรียกกันว่าเป็น จิโกะคุดานิ (Jigokudani) หรือ "หุบเขาแห่งนรก" (Valley of Hell) (หรือ "หุบเขานรก" (Hell Valley) ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆไปถามใคร) อยู่ด้านบนของแหล่งรีสอร์ทเท่านั้นเอง โดยโนโบริเบะสึ (Noboribetsu) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชิโคะสึ-โทยะ (Shikotsu-Toya National Park) ซึ่งมีความสวยงามระหว่างสองสิ่งที่ตัดกันแบบลงตัวอยู่ ก็คือ เหล่าหินภูเขาไฟ กับ ความสวยงามของทะเลสาบและท้องฟ้าสีน้ำเงิน



♨Noboribetsu Hot Springs (登別温泉)
Google Maps
🚙รหัสแผนที่สำหรับรถเช่า: 603 288 425*46
🚉จากสถานี JR Noboribetsu Station (登別駅) → ใช้เวลานั่งรถบัสต่อ 15 นาที
💻เว็บไซต์บ่อน้ำร้อนโนโบริเบะสึ (Noboribetsu Hot Springs) (มีภาษาอังกฤษ) 



หุบเขานรก (Hell Valley (登別地獄谷; Jigokudani))

จุโกคุดานิ (Jigokudani (地獄谷)) หรือ "หุบเขาแห่งนรก"/"หุบเขานรก" (Valley of Hell/Hell Valley) เป็นหุบเขาที่ดูน่าตื่นเต้นสุดๆ หุบเขานี้อยู่ข้างบนของออนเซ็นโนโบริเบทสึเท่านั้นเอง ซึ่งเต็มไปด้วยปล่องน้ำพุร้อนเต็มไปหมด, น้ำกำมะถัน และยังมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับภูเขาไฟอื่นๆอีกมากมาย โดยหุบเขาแถบนี้ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ จากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 20,000 ปีที่แล้ว ทำให้ตรงนี้กลายเป็นแหล่งบ่อน้ำร้อนหลักของโนโบริเบทสึ แต่เตือนไว้นิดนึงว่า ในช่วงฤดูหนาว ทางที่จะเดินขึ้นไปยังจิโกคุดานินี้ อาจจะไม่สามารถผ่านไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนที่พวกเราไปกัน ยังไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นที



แม่น้ำโอยุนุมะ แช่เท้ากับบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ
River Oyunuma Natural Footbath
(大湯沼川の天然足湯)

ใกล้ๆกันกับหุบเขานรก ก็จะพบกับแม่น้ำโอยุนุมะ (Oyunumagawa (大湯沼川)) น้ำของแม่น้ำนี้ก็ยังคงร้อนอยู่ และแม่น้ำนี้ก็ไหลผ่านป่ามา ทำให้เกิดบรรยากาศที่ต่างกันไปกับหุบเขานรกอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว แม่น้ำมีความยาวประมาณ 100 ฟุตนิดๆ และไหลมารวมกันจากแม่น้ำกลายเป็นบ่อน้ำร้อน ส่วนอุณหภูมิของน้ำนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามแต่สภาพอากาศ และที่นี่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นที่ที่เพอร์เฟคสุดๆสำหรับการแช่เท้า (足湯; ashiyu) ผ่อนคลายกันในธรรมชาติของญี่ปุ่นแท้ๆเลยละ



ถ้าหากเพื่อนๆได้ไปเที่ยวกันที่โอตารุละก็ เพื่อนๆก็ควรจะแวะที่นี่จริงๆนะ ที่ ร้านกล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Store) แต่เดิมที่นี่ถูกสร้างเป็นโกดังเก็บของในยุคของเมจิ และด้วยประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาอย่างยาวนาน ในตอนนี้ที่นี่ได้กลายเป็นที่จัดแสดงกล่องดนตรีต่างๆมากมายตั้งแต่ปี 1912 เลยทีเดียว จริงๆพวกร้านกล่องดนตรี และพิพิธภัณฑ์ ก็มีอยู่ทั่วในประเทศญี่ปุ่น แต่ที่นี่ ที่โอตารุนี้ ว่ากันว่าเป็นแหล่งกล่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดเลยทีเดียว ลองดูที่ความใหญ่ของหอนาฬิกานั่นดูเลยก็ได้!

🎶อาคารหลักของพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Main Building of the Otaru Music Box Museum (小樽オルゴール堂))
🏢4-1 Sumiyo-cho, Otaru, Hokkaido
Google Maps
🚙รหัสแผนที่สำหรับรถเช่า: 493 661 522*51
🚉ใช้เวลาเดิน 5 นาที จากสถานี JR Minami Otaru Station (南小樽駅)
⏰เวลาทำการ: 09:00 ~ 18:00 น.
💻เว็บไซต์ Otaru Music Box Museum (ภาษาอังกฤษ) 



เมื่อเพื่อนๆเดินเข้ามาข้างใน ก็จะรู้สึกเหมือนกับอยู่ในเทพนิยายกันเลยทีเดียวละ ด้วยแสงสีเหลืองที่ประดับตกแต่งร้าน พร้อมๆกับเพลงที่เข้ากับบรรยากาศร้านสุดๆที่บรรเลงไปตลอด คงจะนึกภาพออกกันเลยใช่ไหมละ~



ทั้งตึกนี้ เต็มไปด้วยกล่องดนตรีที่น่าตื่นตาตื่นใจเต็มไปหมด ทั้งที่จัดแสดงเฉยๆ และทั้งที่นำออกมาขาย ทำให้ที่นี่ดูเหมือนกับร้านค้า มากกว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์เลยนะเนี่ย



สัณลักษณ์ของโอตารุ ถ้าไม่ใช่ฮอกไกโด ก้ต้องนี่เลย คลองโอตารุ (Otaru Canal) ที่นี่กลายเป็นที่ที่ต้องห้ามพลาดของฮอกไดโดไปโดยปริยาย สร้างเสร็จในปี 1923 หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นรับวัฒนธรรมฝั่งตะวันตกเข้ามามากขึ้น โดยคลองนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการเดินเรือที่มีเพิ่มมากขึ้นในฮอกไกโด และตามแนวลำคลองนี้ ก็เต็มไปด้วยตึกอาคารเก่าอิฐแดงตามประวัติศาสตร์ของโอตารุที่สวยงามตั้งอยู่มากมาย และจะสวยมากที่สุดในตอนกลางคืน คือตอนที่โคมไฟแก๊ส สว่างไสวในยามค่ำคืนละ ถ้าหากเพื่อนๆอยากจะมาล่องเรือไปในคลองโอตารุละก็ เพื่อนๆก็จะได้รับบรรยากาศเหมือนกับการนั่งเรือกอนโดลาที่เห็นในภาพยนตร์ของอิตาลีเลยละ

🌉คลองโอตารุ Otaru Canal (小樽運河)
🏢5 Minatomachi, Otaru-shi, Hokkaido
Google Maps
🚙รหัสแผนที่สำหรับรถเช่า: 493 690 414*35
🚉ใช้เวลาเดิน 10 นาทีจากสถานี JR Otaru Station (小樽駅)

Hokkaido Ice Pavilion (アイスパビリオン)

ในกรณีเพื่อนๆบางคนอาจจะทนไม่ไหวกับความหนาวของฮอกไกโดในช่วงฤดูหนาว แต่ก็ยังอยากจะเล่นหิมะอยู่ดี พวกเราขอแนะนำที่นี่เลย Hokkaido Ice Pavilion ที่นี่จะเป็นโลกแห่งน้ำแข็งไปตลอดทั้งปี โดยที่ซุ้มหิมะนั้นจะรักษาอุณหภูมิเอาไว้ที่ -20℃ (-4℉) และเพื่อนๆสามารถเลือกได้ด้วยว่าอยากจะสัมผัสกับประสบการณ์ความหนาวในระดับไหน โดยจะเลือกได้ถึง 5 ระดับเลยทีเดียว! พวกเราได้ไปลองระดับความหนาวที่ผ้าขนหนูแข็ง (frozen towel) มา แต่แบบค้อนกล้วย (banana hammer) ก็ดึงดูดความสนใจจากพวกเราได้เหมือนกัน และยังมีอุณหภูมิที่หนาวไปอีกขั้น โดยเพื่อนๆสามารถมาสัมผัสกับประสบการณ์ความหนาวมากที่สุดได้ถึง -40℃ (-40℉) ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่หนาวเย็นมากที่สุดที่เพื่อนๆจะสามารถมาลองกันได้ที่ประเทศญี่ปุ่น! และถ้าหากเพื่อนๆอยากจะมาทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับฤดูหนาวในฮอกไกโดอีกละก็ ที่นี่ก็เป็นที่ที่เพื่อนๆควรมามากที่สุดเลยละ!



⛄Hokkaido Ice Pavilion (アイスパビリオン)
🏢40 Sakae-machi, Kamikawa-machi, Kamikawa-ku, Hokkaido
Google Maps
🚙รหัสแผนที่สำหรับรถเช่า: 623 630 207*60
🚉สถานี JR Kamikawa Station (上川駅)
💻เว็บไซต์ Hokkaido Ice Pavilion (ภาษาญี่ปุ่น) 





น้ำตกชิระฮิเงะ (Shirahige Waterfall (白ひげの滝 ))



ที่นี่ตั้งอยู่ที่ระดับ 600 เมตร (1968 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล อยู่ในเมืองบ่อน้ำพุร้อนอย่างบิเอ น้ำตกนี้มีความสูงทั้งหมด 30 เมตร (98 ฟุต) โดยชื่อของน้ำตกนี้มีความหมายว่า หนวดสีขาว (เขียนว่า ชิโระฮิเงะ แต่อ่านออกเสียงว่า ชิระฮิเงะ) มาจากการที่น้ำไหลลงมาผ่านช่องว่างระหว่างหินทั้งสองฝั่ง ทำให้ดูเหมือนกับหนวดสีขาวๆ และน้ำตกแห่งนี้ก็ยังเป็นน้ำตกหายาว และพิเศษของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย เพราะว่าด้วยน้ำพุร้อนที่อยู่ข้างใต้ก้อนหิน ไหลตกลงมาโดนหินด้านล่าง ทำให้น้ำเกิดการกระทบกัน และมีสีน้ำเงินที่เกิดจากโคบอลต์ขึ้นมาอย่างสวยงาม



🌉น้ำตกชิระฮิเงะ Shirahige Waterfall (白ひげの滝​)
🏢Shirogane, Biei-cho, Kamikawa-gun, Hokkaido
Google Maps
🚙รหัสแผนที่สำหรับรถเช่า: 796 182 575*30
🚉สถานี JR Biei Station (美瑛駅) – ขึ้นรถบัสจากสถานี

บ่อน้ำสีน้ำเงิน (Blue Pond (青い池))



ถ้าหากเพื่อนๆเดินทางๆไปตามกระแสน้ำของน้ำตกชิระฮิเงะ เพื่อนๆก็จะพบกับบ่อน้ำสีน้ำเงิน (Blue Pond (青い池)) โดยบ่อน้ำนี้เป็นบ่อน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้มากมาย และอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 500 เมตร (1640 ฟุต) แต่เดิมนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันเมืองบิเอ จากการถูกลาวาไหลมาสร้างความเสียหาย แต่ที่นี่กลายเป็นน้ำสีน้ำเงินสวยงามสุดตรึงตาตรึงใจจากแม่น้ำของบิเอโดยธรรมชาติเอง หลังจากที่น้ำจากน้ำตกต่างๆรอบๆ และน้ำจากบ่อน้ำพุร้อนที่มีอลูมินัมในแม่น้ำบิเอ มาไหลรวมกันกับบ่อน้ำร้อนที่มีกำมะถันจากแม่น้ำอิโอ (Iou River (硫黄川)) น้ำในบ่อนี้จะเห็นเป็นสีน้ำเงินเมื่อมีแสงมาตกกระทบ ดังนั้นที่นี่จึงได้ชื่อว่าเป็น "แม่น้ำสีน้ำเงิน" และในระหว่างฤดูหนาวที่ทั้งหิมะ และน้ำแข็งปกคลุมบ่อน้ำนี้ เมื่อแสงตกกระทบลงมา เพื่อนๆก็จะพบกับวิวที่สวยงามที่สุด ตรึงตาตรึงใจที่สุด จนลืมไม่ได้กันเลยเชียวละ

🌲บ่อน้ำสีน้ำเงิน Blue Pond (青い池)
🏢Shirogane, Biei-cho, Kamikawa-gun, Hokkaido
Google Maps
🚙รหัสแผนที่สำหรับรถเช่า: 349 569 814*88
🚉สถานี JR Biei Station (美瑛駅) – ขึ้นรถบัสจากที่นั่น
🚌ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถบัส Dohoku จากสถานีบิเอ
💻ข้อมูลท่องเที่ยวบิเอ (ภาษาอังกฤษ)





ถ้าไม่คิดถึงเรื่องฤดูกาลแล้วละก็ ฮอกไกโดเนี่ยเป็นที่ที่สวยงามควรค่าแก่การแวะเที่ยวสุดๆเลยนะ แม้ว่าในฤดูหนาวที่นี่จะหนาวมาก แต่ในฤดูร้อนของที่นี่ อากาศก็จะเย็นๆ และทำให้ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมากเลยละ แน่นอนว่าที่นี่เป็นที่ที่เหมาะแก่การมาสัมผัสประสบการณ์กับพื้นที่ว่างๆโล่งๆ และธรรมชาติต่างๆ พร้อมๆกับการเพลิดเพลินไปกับอาหารแสนอร่อยอย่างข้าวโพด, ไอศกรีม, แคนตาลูป, มิโสะราเมง และแน่นอนเลยว่าจะพลาดไม่ได้กับอาหารทะเลสดๆ (โดยเฉพาะหอยเม่นทะเล และปูแสนอร่อย) ถ้าหากเพื่อนๆได้มาเที่ยวฮอกไกโดกันสักครั้งแล้ว พวกเรามั่นใจเลยว่า เพื่อนๆจะต้องตกหลุมรักในฮอกไกโดอย่างที่พวกเราก็ตกหลุมรักมาแล้วอย่างแน่นอน~!



 🌞เฟอร์รี่ช่วงเย็น🚢 
・Oarai ➡ Tomakomai: ออกเดินทางเวลา 19:45 น., ถึงจุดหมายปลายทางเวลา 13:30 น. (วันถัดไป)
・Tomakomai ➡ Oarai: ออกเดินทางเวลา 18:45 น., ถึงจุดหมายปลายทางเวลา 14:00 น. (วันถัดไป)

 🌙เฟอร์รี่ช่วงค่ำ🚢 
・Oarai ➡ Tomakomai: ออกเดินทางเวลา 01:45 น., ถึงจุดหมายปลายทางเวลา 19:45 น. 
・Tomakomai ➡ Oarai: ออกเดินทางเวลา 01:30 น., ถึงจุดหมายปลายทางเวลา 19:30 น. 

🚢Ferry Sunflower  (フェリーさんふらわあ)
เทอมินอลผู้โดยสาร: Oarai Port Ferry Terminal
🏢Chuo 2, Oaraimachi Port, Higashiibaraki-gun, Ibaraki
Google Maps
เทอมินอลผู้โดยสาร: Tomakomai West Port Ferry Terminal​
🏢1-2-34 Irifunecho, Tomakomai, Hokkaido
Google Maps

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรือเฟอร์รี่ Shosen Mitsui Ferry Sunflower คลิกที่นี่เลย!

อย่าลืมติดตามข่าวสารและบทความใหม่ๆทุกวันของพวกเราได้ที่ JAPANKURU🐶

หรือเพิ่มพวกเราบน Google+InstagramFacebook และแบ่งปันรูปภาพสไตล์ญี่ปุ่นของคุณกัน 💖🗾

Details

NAME:Shosen Mitsui Ferry (商船三井フェリー)

MAP

Follow us @Japankuru on Facebook, Instagram, and Twitter!

  • facebook
  • line

COMMENT

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments

FEATURED MEDIA

VIEW MORE →

A Tokyo Winter Must-See: Tokyo Mega Illumination

Event Period: November 2, 2024 ~ January 12, 2025
 *Closed Nov 4~8, Dec 1~6, Dec 25~ Jan 1. End date may be subject to change.
Hours: 16:30 – 21:00 (final admission 20:00)
 *Opening hours may vary depending on scheduled events or congestion, please check the official website for details.
Directions: 2 min. walk from Tokyo Monorail Oikeibajo-Mae Station, 12 min. walk from Keikyu Tachiaigawa Station

#japankuru #tokyowinter #tokyomegaillumination #megaillumination2024 #tokyocitykeiba #도쿄메가일루미네이션 #tokyotrip #oiracecourseillumination

A Tokyo Winter Must-See: Tokyo Mega Illumination Event Period: November 2, 2024 ~ January 12, 2025  *Closed Nov 4~8, Dec 1~6, Dec 25~ Jan 1. End date may be subject to change. Hours: 16:30 – 21:00 (final admission 20:00)  *Opening hours may vary depending on scheduled events or congestion, please check the official website for details. Directions: 2 min. walk from Tokyo Monorail Oikeibajo-Mae Station, 12 min. walk from Keikyu Tachiaigawa Station #japankuru #tokyowinter #tokyomegaillumination #megaillumination2024 #tokyocitykeiba #도쿄메가일루미네이션 #tokyotrip #oiracecourseillumination

1|8

MAP OF JAPAN

SEARCH BY REGION →

    • ฮอกไกโด

      VIEW MORE →

      ฮอกไกโด อยู่ทางเหนือสุดจาก 4 เกาะหลักของญี่ปุ่น บริเวณนี้โด่งดังเรื่องเบียร์ซัปโปโร การผลิตและการกลั่นเบียร์ รวมถึงเทศกาลหิมะ และอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม และยังเหมาะกับเหล่านักชิมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งที่ปลูกในฮอกไกโด แคนตาลูป ผลิตภัณฑ์จากนม ซุปแกงกะหรี่ และมิโซะราเมน

    • นิกิ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด ห่างจากโอตารุประมาณ 30 นาที นิกิเป็นเมืองเล็กๆที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ ทำให้สวนผลไม้ของที่นี่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น เชอร์รี่ มะเขือเทศ และองุ่น มีโรงกลั่นไวน์ และกลายเป็นสถาที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารและไวน์ในเวลาไม่นาน

    • นิเซโกะ ห่างจากสนามบิน New Chitose ประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีรีสอร์ทในฤดูหนาวที่ดีที่สุด และยังเป็นจุดที่ชาวต่างชาติมักแวะมาเยี่ยมเยียน เพราะหิมะของที่นี่มีคุณภาพสูง นุ่มละเอียดดุจผงแป้ง ที่ไม่ว่านักสกี นักสโนว์บอร์ด รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ต้องกลับมาซ้ำ นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อย และออนเซ็นวิวสวยอีกด้วย

    • โอตารุ คือเมืองที่อยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางจากสถานีซัปโปโรประมาณ 30 นาที ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 กิจการการค้าขายและการประมงรุ่งเรืองมาก โดยอาคารที่สร้างในสมัยนั้นก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ย่านคลองโอตารุ ในปัจจุบัน เนื่องจากในอดีตที่นีเป็นศูนย์กลางของการประมง ทำให้มีร้านซูชิกว่า 100 ร้าน ให้เราได้เลือกชิมซูชิสดใหม่ ที่มีคนต่อแถวยาวบริเวณถนนซูชิ (Sushi Street)

    • SAPPORO

      VIEW MORE →

      ซับโปโร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด เป็นศูนย์กลางของการเมืองและเศรษฐกิจของฮอกไกโด มีสนามบินชินจิโตะเสะ (New Chitose Airport) ที่รองรับเที่ยวบินจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียว โอซาก้า และเที่ยวบินจากต่างประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลหิมะขึ้นที่สวนโอโดริ (Odori Park) หนึ่งในงานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของฮอกไกโด และยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย ทั้งราเมน เนื้อแกะย่าง ซุปแกงกะหรี่ และอาหารทะเล

    • โทโฮคุ

      VIEW MORE →

      โทโฮคุประกอบด้วย 6 จังหวัดที่อยู่ทางภาคอีสานญี่ปุ่น เป็นแหล่งปลูกพืชที่สำคัญ (แหล่งอาหารชั้นเยี่ยม) เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม พร้อมทั้งภูเขา ทะเลสาบ และแหล่งออนเซ็น

    • ฟุกุชิมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุชิมะ อยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ และแบ่งออกเป็น 3 เขตใหญ่คือ ฮามะโดริ (ชายฝั่ง) นากะโดริ (ตอนกลางของจังหวัด) และไอซุ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยเอโดะ อุทยานแห่งชาติโอเซะ ราเมคิตะคะตะ Bandai Ski Resort (พาวเดอร์สโนว์) เป็นจังหวัดที่สามารถเที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดู

    • ยามากาตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดยามากาตะ อยูในภูมิภาคโทโฮคุ หรือภาคอีสานของญี่ปุ่น ผู้คนนิยมไปเที่ยวในฤดูหนาว แช่ออนเซ็นและเล่นสกี โดยเฉพาะที่ Zao Onsen Ski Resort และที่ Gassan Ski Resort ชมความงามของหิมะที่ปกคลุมต้นไม้ จนหลายคนเรียกว่าปีศาจหิมะ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป เช่น วัด Risshakuji หรือวัด Yamadera, Ginzan Onsen ออนเซ็นบนถนนเก่าแก่ และทะเลสาบโอคามะ บนเขาซาโอะ นอกจากนี้ยังมีเนื้อโยเนซาวะ 1 ใน 3 อันดับเนื้อวากิวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น

    • อาคิตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดอาคิตะ อยู่บริเวณทะเลญี่ปุ่น ทางตอนเหนือสุดของภูมิภาคโทโฮคุ มีสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้มากที่สุดในญี่ปุ่น เช่น ประเพณีนามะฮาเกะ ที่แหลมโอกะ (ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ว่าเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้) และเทศกาลคันโต เทศกาลชื่อดังของภูมิภาคโทโฮคุ

    • คันโต

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในญี่ปุ่น ประกอบด้วย 7 จังหวัดคือ กุมมะ โทจิกิ อิบารากิ ไซตามะ โตเกียว ชิบะ และคานากาวะ ศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจ ความสนุกสนาน ความบันเทิงที่พบได้จะมีตั้งแต่ออนเซ็น สวนสนุก ธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบระยะสั้นเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืน

    • กุนมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดกุนมะ เดินทางสะดวก มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เช่น โอเสะ น้ำตกฟุกุวาเระ รวมถึงแหล่งออนเซ็นชื่อดัง (คุซัตสึ, อิกาโฮะ, มินาคามิ, ชิมะ) จนถูกเรียกว่าเป็นเมืองออนเซ็น และยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และคนรักรถไฟอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรงไหมโทมิโอกะ สะพานเมกาเนะบาชิ และทางรถไฟวาตาระเสะเคโคคุ

    • โตเกียว

      VIEW MORE →

      โตเกียว (東京) เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งความทันสมัย ตึกสูงเสียดฟ้า และผู้คนจำนวนมาก แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ทั้งพระราชวังอิมพีเรียล ย่านอาซากุสะ และยังเป็นเมืองอันดับต้นๆของโลกที่โดดเด่นในเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะ แฟชั่น เกมส์ เทคโนโลยี การคมนาคม และอื่นๆอีกมากมาย

    • โทจิกิ

      VIEW MORE →

      จังหวัดโทจิกิ มีเมืองสำคัญคือเมืองอุสึโนมิยะ ที่มีเกี๊ยวซ่าอันโด่งดัง และอยู่ห่างจากโตเกียวเพียง 1 ชั่วโมง มีธรรมชาติที่สวยงามให้ชมตลอดปี ตั้งแต่ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ไปจนถึงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นิกกโก เมืองมรดกโลก ศาลเจ้าโทโชกุ ทะเลสาบชูเซ็นจิ สวนดอกไม้อะชิคากะ (ดังเรื่องดอกวิสทีเรีย) รวมถึงเมืองนาซุ ที่เป็นที่นิยมในการท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการที่เป็นที่แปรพระราชฐานของจักรพรรดิญี่ปุ่น

    • ชูบุ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคชูบุ ตั้งอยู่บริเวณกลางประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ ไอจิ ฟุกุอิ กิฟุ อิชิคาว่า นางาโนะ นีกาตะ ชิซูโอกะ โทยาม่า และยามานาชิ บริเวณนี้มีชื่อเสียงเรื่องภูเขา โดยเฉพาะภูเขาไฟฟูจิ และเจแปนแอลป์ สกีรีสอร์ทในจังหวัดนางาโนะและจังหวัดนีกาตะ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูหนาว

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดนากาโนะ เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่นปราสาทคุมาโมโต้ วัดเซ็นโคจิ ศาลเจ้าโทกะคุชิ รวมถึงไฮไลท์ก็คือ เจแปนแอลป์ ผลไม้ของนากาโนะก็เป็นอีกอย่างที่มีชื่อเสียง ซึ่งเห็นได้จากสวนผลไม้ที่มีกิจกรรมให้เก็บผลไม้หลายชนิด และแหล่งออนเซ็นอย่าง Jigokudani ลิงแช่ออนเซ็น การเดินทางไปยังนากาโนะก็แสนง่าย เพราะมีรถไฟชินคันเซ็น โฮคุริคุ จากโตเกียวไปถึงนากาโนะ และเมื่อปี 1998 มีการจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่นากาโนะ ทำให้สกีรีสอร์ทที่ ฮาคุบะและชิกะโคเก็น กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดชิซึโอกะ อยู่ตรงกลางระหว่างภาคตะวันตกและตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้ไม่ว่าจะเดินทางจากโตเกียวหรือโอซาก้าก็สะดวก มีธรรมชาติที่สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ ทะเลสาบฮามานาโกะ หุบเขาสุมาตะ คาบสมุทรอิซุ (แหล่งออนเซ็นอะตามิ อิโตะ ชิโมดะ ชูเซ็นจิ และโดกะชิมะ) นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยังมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของตะกูลโทกุกาว่า มีเมนูขึ้นชื่อคือปลาไหล เกี๊ยวซ่าของฮามามัตสึ และชาเขียวคุณภาพดี

    • นาโกย่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดไอจิ ตั้งอยู่ใจกลางประเทศญี่ปุ่น มีเมืองนาโกย่าเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ไอจิเป็นเมืองอุตสาหกรรม และยังบ้านเกิดของรถยี่ห้อโตโยต้า มีพร้อมทั้งทะเลและภูเขา เช่น เกาะซาคุ หาดโคอิจิกาฮามะ เขาโฮราอิจิ ในอดีตเป็นเวทีในการต่อสู้ เช่น ในสมัยเซ็นโกคุ โอดะ โนบุนากะ, โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และโทกุกาว่า อิเอยาสุ ก็ได้ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ที่นี่ เช่น ปราสาทนาโกย่า ปราสาทอินุยามะ รวมถึงเมจิมูระ

    • นีงะตะ

      VIEW MORE →

      จ.นีงะตะตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู ติดกับทะเลญี่ปุ่น เต็มไปด้วยของขวัญจากธรรมชาติ มีสกีรีสอร์ตชื่อดังอย่างเช่น Echigo-Yuzawa อุทยานแห่งชาติ ออนเซ็นธรรมชาติ ซีฟู้ดสดใหม่ ข้าวญี่ปุ่น และสาเก นักท่องเที่ยวนิยมพักผ่อนในเมืองนีงะตะ และเกาะซาโด

    • คันไซ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคคันไซประกอบด้วยจังหวัดมิเอะ นารา วากายาม่า เกียวโต โอซาก้า เฮียวโกะ และชิกะ เมืองหลวงเก่าอย่าเกียวโตก็อยู่ในภูมิภาคคันไซ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของญี่ปุ่น ทั้งวัดและศาลเจ้าที่เกียวโต ปราสาทโอซาก้า และกวางที่นารา อีกทั้งผู้คนในแถบคันไซยังเป็นมิตร จึงเหมาะกับการเป็นสถานที่พักผ่อน

    • นารา

      VIEW MORE →

      จังหวัดนารา เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในอดีต ช่วงยุคนารา หรือราวค.ศ 710 ในช่วงที่นาราเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้นถูกเรียกว่า "เฮโจเกียว" และยังเป็นเส้นทางสายไหม ที่เฟื่องฟูไปยังนานาชาติและผลิตสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมมากมาย สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังนาราก็คือ สวนนารา ที่เต็มไปด้วยกวาง การปีนเขาโยชิโนะ และจุดชมซากุระ

    • เกียวโต

      VIEW MORE →

      เกียวโต เคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นตั้งแต่ปีค.ศ.794-1100 ที่เป็นศูนย์กลางในด้านการเมืองและวัฒนธรรม ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นถนนกิอง วัดทอง วัดน้ำใส และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง แม้แต่ป่าไผ่อาราชิยาม่าอันโด่งดัง ที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชมความงาม ที่หมุนเวียนไปตลอดทั้ง 4 ฤดู

    • โอซาก้า

      VIEW MORE →

      โอซาก้า เป็นเมืองที่ผู้คนเป็นมิตรและมีแต่ความสนุกสนาน แต่ประวัติศาสตร์ของที่นี่ไม่ได้สนุกเหมือนกับในปัจจุบัน เพราะโอซาก้านั้นมีส่วนสำคัญในการรวมญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 16 ทำให้โอซาก้าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่น มีเมนูอาหารชื่อดัง จนได้ชื่อว่าเป็น "ครัวของญี่ปุ่น" ในปัจจุบันโอซาก้าเป็นต้นแบบของญี่ปุ่นตะวันตก ที่มาพร้อมกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทโอซาก้า แหล่งช้อปปิ้งย่านอุเมดะอย่าง Grand Front Osaka และ Abeno Harukas โอซาก้าเป็นสวรรค์ของนักชิม มาพร้อมกับเมนูขึ้นชื่อย่าง ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ และคุชิคัตสึ รวมถึงเป็นที่ตั้งของสวนสนุก Universal Studios Japan อีกด้วย

    • ชูโกกุ

      VIEW MORE →

      ชูโกกุ ประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ ฮิโรชิม่า โอคายาม่า ชิมาเนะ ทตโตริ และยามากุจิ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคือ เนินทราย (ทตโตริ) และ สวนสันติภาพ (ฮิโรชิม่า) และเมื่อข้ามน้ำไปยังชิโกกุที่มีด้วยกัน 4 จังหวัดคือ เอฮิเมะ คากาวะ โคจิ และโทคุชิม่า ขึ้นชื่อเรื่องอุด้ง (คากาวะ) และโดโกะออนเซ็น (เอฮิเมะ)

    • ฮิโรชิม่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดฮิโรชิม่า มีทั้งแหล่งมรดกโลก ธรรมชาติ และอาหารอร่อย สามารถนั่นเครื่องบินจากโตเกียวโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ครึ่ง และนั่งรถไฟ 4 ชั่วโมง มีแหล่งมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO 2 แห่ง คือ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะบนเกาะมิยาจิมะ และ Atomic Bomb Dome นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลจากทะเลในเซโต โดยเฉพาะหอยนางรม โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า เลมอเซโตอุจิ และธรรมชาติที่สวยงามสะกดสายตา

    • ชิโกกุ

      VIEW MORE →

      On the other side of the Seto Inland Sea opposite Japan’s main island, Shikoku (四国) is a region made up of four prefectures: Ehime, Kagawa, Kochi, and Tokushima. The area is famous for its udon (in Kagawa), and the beautiful Dogo Onsen hot springs (in Ehime).

    • คากาวะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดคากาวะ อยู่ทางตอนเหนือของเกาะชิโกกุ ติดกับเกาะหลักของญี่ปุ่นและทะเลในเซโต เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น มีซานุกิอุด้งชื่อดัง จนทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า เมืองอุด้ง มีศาลเจ้าโกโตฮิรากุและสวนริสึริน ว่ากันว่าหากมองไปที่ Zenigata Sunae หรือภาพวาดจากทราย จะทำให้ไม่ขัดสนเรื่องเงินตลอดไป

    • คิวชู

      VIEW MORE →

      เกาะคิวชู ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น มีด้วยกัน 7 จังหวัด คือ ฟุกุโอกะ ซากะ นางาซากิ คุมาโมโต้ โออิตะ มิยาซากิ และคาโกชิม่า เกาะนี้มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากที่อื่น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากจีนและฮอลันดา เข้ามาทำการค้าในสมัยก่อน โดยมิชชันนารีเข้ามาทางท่าเรืองในจ.นางาซากิ และต้องขอบคุณการระเบิดของภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ที่ทำให้ที่นี่มีพร้อมทั้งวิวทิวทัศน์ ธรรมชาติ อาหาร แหล่งออนเซ็นที่สวยงาม

    • คาโกชิม่า

      VIEW MORE →

      คาโกชิมะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสิ่งใหม่ๆของญี่ปุ่น โดยมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงในอดีต เช่น ซามูไร ไซโกะ ทาคาโมริ และ โอคุโบะ โทชิมิจิ ผู้ผลักดันญี่ปุ่นจากยุคเอโดะมายังยุคเมจิ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ สวนเซ็นกันเอ็น ภูเขาไฟซากุระจิมะ ออนเซ็นอิบุสุกิ ออนเซ็นคิริชิมะ เกาะยาคุชิมะ แหล่งมรดกโลก หรือเกาะอะมามิโอชิมะ เกาะที่ว่ากันว่าอยู่ใกล้สวรรค์มากที่สุด แม้จะตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะหลัก แต่คาโกชิมะก็เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่รอให้ไปชมมากมาย

    • ฟุกุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นเมืองที่มีประชากรอยู่มากที่สุดในภูมิภาคคิวชู มี 2 เมืองใหญ่คือ ฟุกุโอกะและคิตะคิวชู การท่องเที่ยวในฟุกุโอกะนั้นสะดวกสบาย ทำให้สามารถไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าดาไซฟู เท็นมังกุ มตสึนาเบะ(หม้อไฟเครื่องใน) ไข่ปลาเม็นไทโกะ(ไข่ปลาคอตรสเผ็ด) และราเมนฮากาตะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเหมาะกับทั้งคนที่ชอบช้อปปิ้ง และชอบธรรมชาติ

    • โอกินาว่า

      VIEW MORE →

      เกาะโอกินาว่านั้นอยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นส่วนที่ร้อนที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จากในอดีตที่มีการปกครองตนเอง และเหตุการณ์ทางการเมือง และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้โอกินาว่าที่วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีวัฒนธรรมจากอาณาจักรริวกิวหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภาษา เสื้อผ้า นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของคาราเต้อีกด้วย

EVENT CALENDAR

VIEW MORE →
1|5

RELATED ARTICLES

PARTNERS