กินกาแฟอร่อยๆ เดินเที่ยวริมหาด และส่งจดหมายกับตู้ไปรษณีย์สุดน่ารัก ที่คาบสมุทรอินุโบซากิ

ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ประภาคารอินุโบซากิ (Inubosaki Lighthouse)

เมื่ออากาศในโตเกียวเริ่มอุ่นขึ้น ผู้คนก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังทะเลที่อยู่รอบๆโตเกียว เช่น ชายฝั่งโชนัน (Shonan Coast) หรือคาบสมุทรโบโซ (Boso Peninsula) ที่เรามักจะเห็นในภาพยนตร์หรือละครญี่ปุ่น แต่ก็ยังมีทะเลน่าไปใกล้โตเกียวอีกแห่งที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน

เมืองโจชิ (Choshi) ในจังหวัดชิบะ เป็นเมืองที่หลายคนรู้จักจาก Choshi Electric Railway รถไฟท้องถิ่นสุดน่ารัก รวมทั้งอินุโบซากิ (Inubosaki, 犬吠埼) หรือที่บางครั้งเรียกว่า แหลมอินุโบ (Cape Inubo) แหลมแห่งนี้มีลักษณะที่ยื่นออกไปในมหาสมุทรแปซิฟิก มีประภาคารสีขาวกับตู้ไปรษณีย์สีขาวตั้งอยู่ใกล้ๆกัน ว่ากันว่าแหลมแห่งนี้นั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้เร็วที่สุดในญี่ปุ่น สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบเอาท์ดอร์ อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปสูดอากาศบริสุทธิ์ แวะเที่ยวคาเฟ่ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาด

นอกจากยอดเขาสูงและเกาะที่อยู่รอบๆแล้ว อินุโบซากิยังเป็นที่แรกที่มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นในญี่ปุ่น ที่คนจะมาดูพระอาทิตย์แรกขึ้นในวันปีใหม่ ทำให้วันปีใหม่จะเต็มไปด้วยคนจำนวนมาก ทั้งสถานีโทรทัศน์ สำนักข่าวต่างก็ต้องมาเก็บภาพพระอาทิตย์แรกของปีที่นี่ และแม้แต่ช่างภาพมือสมัครเล่น และนักท่องเที่ยวก็อยากที่จะมาเก็บภาพและชมพระอาทิตย์ที่ค่อยๆขึ้น ลอยเหนือมหาสมุทร และส่องแสงแรกของปีให้เราได้เห็นกัน แสงอาทิตย์ระยิบระยับสะท้อนผิวน้ำ ประภาคา และท้องฟ้าที่ค่อยๆสว่างเป็นภาพสวยงามต้อนรับวันปีใหม่

ท้องฟ้าและประภาคารสีขาว

นักท่องเที่ยวไม่ได้ไปในวันที่ 1 มกราคม ก็มักจะไปเพื่อชมประภาคารและตู้ไปรษณีย์สีขาวที่เข้าคู่กัน ตัวประภาคารนั้นสร้างขึ้นในปีเมจิที่ 7 (1874) ออกแบบและก่อสร้างโดย Richard Brunton วิศวกรชาวอังกฤษ ที่มีชื่อเล่นว่า “บิดาแห่งประภาคารญี่ปุ่น” ภายในประภาคารมีบันไดสูง 99 ขั้น ที่สามารถเดินขึ้นไปถึงยอดและชมวิวของทะเลได้ทั้งสามด้าน 

ด้านล่างของประภาคาร คือ พิพิธภัณฑ์ประภาคารอินุโบซากิ (Inubosaki Lighthouse Museum) มีการแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่น แต่น่าเสียดายที่ช่วงเวลาที่ทีมเจแปนคุรุไปนั้นเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 พิพิธภัณฑ์จึงไม่ได้เปิดทำการตามปกติ แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นตู้ไปรษณีย์สีขาวอันโด่งดัง ที่ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องแวะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แม้ว่าตู้ไปรษณีย์ตู้นี้จะมีสีสันไม่เหมือนกับตู้อื่นๆ แต่มันก็สามารถส่งจดหมายหรือโปสการ์ดได้ตามปกติ

ร้านกาแฟริมน้ำ

อยากหาที่นั่งพักหลังจากเดินเล่นริมชายหาดและปีนขึ้นบันได 99 ขั้นแล้วใช่มั้ยหละ ร้านกาแฟของอินุโบซากิ เป็นส่วนหนึ่งของ Inubo Terasu Terrace หน้าต่างบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นผืนน้ำอันกว้างใหญ่ และแสงแดดรำไร ทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่งสบาย บริเวณชั้น 1 จะมีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร เบเกอรี่ ร้านขายผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น และขนมที่ผลิตในท้องถิ่นจำหน่าย

この投稿をInstagramで見る

Kenshin Lucy Wu(@kenshin6666)がシェアした投稿

บริเวณชั้นสองจะมีร้านขายของฝาก และพื้นที่ให้นอนเล่นสบายๆ ชมวิวทะเล ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งตาข่ายที่สามารถมองเห็นทะเลได้อย่างใกล้ชิด หรือแม้แต่จุดอื่นๆ ก็สามารถชมวิวทะเลได้สวยงามไม่แพ้กัน

ร้านขายของฝากบริเวณชั้นสองเลือกเอาประภาคารมาเป็นธีมของร้าน โดยของฝากแต่ละชิ้นจะเป็นประภาคารที่มีรูปทรงและหน้าตาที่แตกต่างกันไป ที่เห็นแล้วต้องอดไม่ได้ที่จะซื้อเก็บไว้สักชิ้น

จุดถ่ายรูปก็มีเยอะมาก เก็บไว้เอาไปลงโซเชียลได้อีกนาน

ออนเซ็นริมทะเล

การได้เดินเล่นริมชายหาดและจิบกาแฟอร่อยๆก็เป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งแล้ว แต่ถ้าอยากสัมผัสความผ่อนคลายอีกระดับ ไม่ควรพลาดออนเซ็นที่ตั้งอยู่ริมน้ำในอินุโบซากิ ในเมืองแห่งพระอาทิตย์ขึ้นที่มีน้ำร้อนพุ่งออกมาจากบ่อน้ำร้อนนั้นประกอบด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) ซึ่งว่ากันว่าช่วยรักษาอาการป่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท อาการปวดข้อ ไปจนถึงการไหลเวียนเลือด และอาการเหนื่อยล้าของผู้สูงอายุ โดยออนเซ็นที่นี่ยังเป็นโรงแรมให้เข้าพักได้ หรือจะเลือกเข้าออนเซ็นอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน

จากอีกมุมหนึ่ง – หาดคิมิกาฮามะ (Kimigahama)

ไม่ว่าคุณอยากจะเก็บภาพของพระอาทติย์แรกของปี ประภาคาร หรือแค่อยากชมวิว หาดคิมิกะฮามะที่อยู่ใกล้ๆก็เป็นสถานที่ที่มีทรายนุ่มๆและวิวดีๆรอคุณอยู่

ส่งโปสการ์ดกลับบ้าน

หากเปรียบเทียบกับชายฝั่งทะเลโชนันแล้ว อินุโบซากินั้นจะเงียบสงบมากกว่า ทำให้สามารถเดินเล่นได้อย่างสบายๆ ชมวิวประภาคารสีขาวที่ตัดกับท้องฟ้าสีสด นั่งจิบกาแฟ มองออกไปนอกหน้าต่าง เขียนโปสการ์ดเล่าถึงความสนุกและความสวยงามของการได้มาเที่ยวญี่ปุ่น ก่อนที่จะนำไปหย่อนลงตู้ไปรษณีย์สีขาว