มัดรวม 10 จุดชมซากุระที่ซ่อนอยู่ในโตเกียว ในปี 2024🌸รีบไปก่อนแมส!

  • X
  • line

ปี 2567 นี้กำลังมองหาจุดชมซากุระแบบไม่พลุกพล่านอยู่รึเปล่า? วันนี้ JAPANKURU จะมาแนะนำจุดชมซากุระลับ ๆ ที่ซ่อนอยู่ในโตเกียว เพลิดเพลินกับเหล่าดอกซากุระตามสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ฉบับคนท้องถิ่น

เพลิดเพลินกับซากุระแบบฉบับคนญี่ปุ่น



เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ทั่วโตเกียวจะเต็มไปด้วยสีชมพูสดใสของเหล่าซากุระที่เริ่มบาน ทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างก็ออกมาชมความน่ารักของซากุระกันตามสวนสาธารณะ แต่ด้วยผู้คนที่หลั่งไหลมาอย่างล้นหลาม ทำให้บางครั้งแค่เห็นจำนวนคนก็เหนื่อยก่อนที่จะได้เห็นซากุระซะอีก🥺 

ในบทความนี้ ทีมงาน JAPANKURU จึงอยากชวนทุกคนออกนอกเส้นทางหลัก ชวนไปดู 10 จุดชมซากุระที่ยังไม่แมสในโตเกียว แบบที่คนญี๊ปุ่นญี่ปุ่นเขาไปดูกัน หากอยากชมซากุระเงียบ ๆ และดื่มด่ำกับความสงบตามแบบฉบับวัฒนธรรมฮานามิ(วัฒนธรรมการชมซากุระ)ที่แท้จริง ก็ไปตามสถานที่ในบทความนี้ได้เลย!

ชมซากุระย่านมูซาชิโนะ

เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะยังไม่ค่อยคุ้นชินกับชื่อ “มูซาชิโนะ” มากนัก เพราะไม่ใช่ย่านท่องเที่ยวแมส ๆ แบบที่เรารู้จักกัน แต่จริง ๆ แล้วมูซาชิโนะอยู่ใกล้สถานีโตเกียวมากกว่าที่เราคิด เดินทางด้วยรถไฟต่อเดียวไม่เกิน 30 นาทีก็ถึง แถมเป็นย่านที่ให้ความผ่อนคลายและสะดวกสบาย จนได้รับเลือกเป็นย่านอันดับหนึ่งที่คนญี่ปุ่นอยากอยู่มากที่สุด และเป็นอีกย่านที่ซ่อนจุดชมดอกซากุระเอาไว้เยอะมากเหมือนกัน!

จุดที่ 1🌸สวนสาธารณะอิโนะคาชิระ



ที่แรกที่ห้ามพลาดในย่านมูซาชิโนะจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก “สวนอิโนะคาชิระ” สวนสาธารณะที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 จุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น! กลางสวนมีบึงขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยต้นซากุระ กลีบที่โปรยปรายลงมาลอยอยู่ผิวน้ำแทบจะทำให้ทั้งบึงกลายเป็นสีชมพู และแน่นอนว่าพอมีบึงแล้วก็จะขาดเรือเป็ด(หรือเรือรูปร่างคล้ายเป็ด)ไปไม่ได้! สนุกกับการถีบเรือเป็ดไปพลางดูซากุระร่วงหล่นลงมาได้เลย~ นอกจากนี้ภายในสวนยังมีกิจกรรมมากมายให้ได้เพลิดเพลินควบคู่ไปกับการชมซากุระ เพราะมีทั้งสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์จิบลิอีกด้วย

เมื่อเดินผ่านบึงสีชมพูเข้าไป จะพบกับศาลเทพเจ้าเบ็นไซเท็น ว่ากันว่าหากคู่รักมาถีบเรือเป็ดด้วยกันแล้ว จะต้องแวะมาสักการะที่ศาลแห่งนี้เพื่อให้ไม่ต้องแยกจากกัน ได้รักกันยืนยาว คู่รักคู่ไหนไปถีบเรือเป็ดแล้วก็อย่าลืมแวะไปศาลเจ้ากันด้วยนะ (ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน)

สวนสาธารณะอิโนะคาชิระ (Inokashira Park)
ที่อยู่: 1 Chome-18-31 Gotenyama, Musashino, Tokyo 180-0005, Japan
วิธีการเดินทาง: เดิน 5 นาทีจากสถานี Kichijoji สาย JR Keio Inokashira
เวลาเปิดทำการ: ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม:
▪️เข้าชมฟรี
▪️เรือเป็ด: 800 เยนต่อ 30 นาที 
Official website

จุดที่ 2🌸มูซาชิโนะเซ็นทรัลพาร์ค



ไปต่อกันที่ มูซาชิโนะเซ็นทรัลพาร์ค (Musashino Central Park) พื้นที่กว้างขวางภายในสวนได้รับการออกแบบให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริเวณใจกลางสวนมีต้นซากุระต้นใหญ่เรียงรายอยู่ รอบข้างสามารถนั่งปิกนิกได้สบาย ๆ และมีพื้นที่ที่เป็นสนามเด็กเล่นสำหรับเด็ก ๆ ไปจนถึงโซนปิ้งบาร์บีคิว จึงไม่แปลกที่จะเห็นบรรยากาศอบอุ่นของครอบครัวที่ออกมาปิกนิกกัน สำหรับใครที่อยากไปดูซากุระพร้อมกับครอบครัวหรือมีเด็กน้อยไปด้วย คิดว่าที่นี่ตอบโจทย์สุด ๆ ไปเลย

มูซาชิโนะเซ็นทรัลพาร์ค (Musashino Central Park)
ที่อยู่: 2 Chome-4-22 Yahatacho, Musashino, Tokyo 180-0011, Japan
ค่าเข้าชม: ฟรี
วิธีการเดินทาง: นั่งรถบัส 13 นาทีจากสถานี Kichijoji
Official website

จุดที่ 3🌸บริเวณศาลาว่าการมูซาชิโนะ



สำหรับจุดสุดท้ายในย่านมูซาชิโนะ บอกเลยว่าลับสุดยอด เพราะนอกจากคนในพื้นที่แล้วก็ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ซึ่งก็คือบริเวณถนนทางเดินระหว่างศาลากลางมูซาชิโนะกับศูนย์วิจัย NTT ที่เรียงรายไปด้วยต้นซากุระตลอดสองข้างทาง เยอะขนาดที่ว่าเมื่อกลีบซากุระปลิวไปตามกระแสลม พื้นที่โดยรอบก็แทบจะกลายเป็นสีชมพูไปทั้งหมด ให้บรรยากาศประหนึ่งฉากเปิดเรื่องที่เราเห็น ๆ กันในอนิเมะเลย

บริเวณศาลาว่าการมูซาชิโนะแะลศูนย์วิจัยอาจฟังดูไม่ใช่สถานที่ที่คนจะมาชมดอกซากุระกันสักเท่าไร แต่จริง ๆ แล้วที่นี่เป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากในท้องถิ่น มีผู้คนแวะเวียนมาไม่ขาดสายในทุกฤดูใบไม้ผลิ และด้วยความโลคอลมาก ๆ เราก็อาจจะกลายเป็นชาวต่างชาติคน(หรือกลุ่ม)เดียวในละแวกนั้นไปโดยปริยาย

ศาลากลางมูซาชิโนะ (Musashino City Hall)
ที่อยู่: 2 Chome-2-28 Midoricho, Musashino, Tokyo 180-8777, Japan
Official website(JP)

ศูนย์วิจัยและพัฒนา NTT มูซาชิโนะ (NTT History Center of Technologies)
ที่อยู่: 3-9-11, Midori-cho, Musashino-shi, Tokyo 180-8585
Official website

ชมซากุระด้วยรถรางสายซากุระ Tokyo Sakura Tram (Toden Arakawa Line)

เอาใจสายเรโทร ชวนมานั่งรถรางสายโทเด็น อาราคาวะ(Toden Arakawa Line) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “รถรางสายซากุระ” รถรางเพียงหนึ่งเดียวในโตเกียวที่หลงเหลือจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน ตัวรถรางค่อย ๆ แล่นช้า ๆ ผ่านโตเกียวที่เร่งรีบ ทำให้เราได้ผ่อนคลาย พร้อมดื่มด่ำกับดอกซากุระแบบจุใจตลอดทาง

จุดที่ 4🌸สวนสาธารณะอาสุกะยามะ (Asukayama Park)



แวะลงที่จุดแรก สวนสาธารณะอาสุกะยามะ สวนเนินเขาขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ระหว่างสถานี Oji-ekimae และสถานี Asukayama บนรถรางสายโทเด็น อาราคาวะนี่เอง ว่ากันว่าสวนแห่งนี้สร้างตามคำสั่งของโทกุกาวะ โยชิมุเนะ ขุนนางในสมัยเอโดะ (ปีค.ศ. 1603–1868)  เพื่อไว้เป็นสวนชมซากุระของชาวเมือง และยังคงเป็นที่รักของชาวโตเกียวมาจนถึงทุกวันนี้ 

ภายในสวนมีต้นซากุระพันธุ์โซเมอิ โยชิโนะกว่า 650 ต้นที่ปลูกตั้งแต่เมื่อสามศตวรรษที่แล้ว! จึงเป็นสถานที่ที่คนในพื้นที่มักมารวมตัวนั่งปิกนิกชมดอกซากุระกันอย่างคึกคักในช่วงฤดูใบไม้ผลิ นอกจากดอกซากุระแล้ว สวนแห่งนี้ยังสอดแทรกประวัติศาสตร์เอาไว้ด้วย เพราะมีอาคารที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลชิบุซาวะ ตระกูลธุรกิจชื่อดังของญี่ปุ่นหลงเหลืออยู่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

บรรยากาศย้อนยุคของรถรางบวกกับซากุระในสวนที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ทำให้สวนแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดน่าแวะไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ชอบกลิ่นอายของญี่ปุ่นโบราณ ห้ามพลาดเลยนะคะ!

สวนสาธารณะอาสุกะยามะ (Asukayama Park)
ที่อยู่: 1 Chome-1-3 Oji, Kita City, Tokyo 114-0002, Japan
วิธีการเดินทาง:
▪️นั่งรถไฟ JR สาย Keihin Tohoku หรือสาย Namboku มาลงที่สถานี Oji จากนั้นเดินต่อมาที่สวนประมาณ 5 นาที 
▪️นั่งรถรางสาย Toden Arakawa มาลงที่สถานี Oji-ekimae หรือสถานี Asukayama จากนั้นเดินต่อประมาณ 3 นาที 
Official website

จุดที่ 5🌸วัดโฮเมียวจิ (Ikōsan Hōmyō-ji)



ลงรถรางที่สถานี Kishimojin-Mae และเดินต่ออีกไม่ไกล จะได้พบกับ “วัดโฮเมียวจิ” ที่รายล้อมไปด้วยซากุระตั้งแต่หน้าทางเข้าวัด ให้บรรยากาศร่มรื่น แถมยังถ่ายรูปสวย ๆ แบบไม่ติดคนกลับไปได้อีก

แม้ตัววัดจะตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวอย่างอิเคบุคุโระ แต่น้อยคนที่จะรู้จักวัดนี้ แม้กระทั่งในหมู่คนญี่ปุ่นเองก็ตาม จึงเหมาะสำหรับใครที่ต้องการเพลิดเพลินกับบรรยากาศของซากุระแบบเงียบ ๆ จนอาจลืมไปเลยว่าอยู่ในย่านชอปปิงใจกลางโตเกียวอย่างอิเคบุคุโระ

วัดโฮเมียวจิ (Ikōsan Hōmyō-ji)
ที่อยู่: 3 Chome-18-18 Minamiikebukuro, Toshima City, Tokyo 171-0022, Japan
วิธีการเดินทาง: เดิน 8 นาทีจากสถานี Kishimojin-Mae ของรถรางสาย Toden Arakawa
Official website

จุดที่ 6🌸สะพานโอโมคาเงะริมแม่น้ำคันดะ



เดินจากสถานี Omokage-bashi ของรถรางสายโทเด็น-อาราคาวะเพียงไม่กี่ก้าว จะพบกับ “สะพานโอโมคาเงะ” สะพานเล็ก ๆ ข้ามแม่น้ำคันดะที่เรียงรายไปด้วยต้นซากุระตามแนวทางเดินทั้งสองฝั่ง ให้ความสวยงามและบรรยากาศคล้ายกับตรงแม่น้ำเมกุโระ (แต่เป็นเวอร์ชันที่คนน้อยกว่ามาก!) เหมาะกับการเดินเล่นชิว ๆ เราสามารถเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนถึงวาเซดะได้เลยค่ะ

นอกจากเป็นจุดชมซากุระแล้ว สะพานนี้ก็มีเรื่องเล่าน่าสนใจเกี่ยวกับที่มาของชื่อสะพาน บ้างก็ว่ามาจากตำนานโอโตฮิเมะ หญิงสาวที่จบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดน้ำจากบนสะพานเพราะเสียใจที่คนรักจากไป ก่อนกระโดดเห็นเงาสะท้อนตัวเองก็พลางคิดถึงคนรักแม้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ชาวบ้านจึงตั้งชื่อสะพานแห่งนี้ว่า "โอโมคาเงะ"(おもかげ) ที่แปลว่าเงาสะท้อน เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับโอโตฮิเมะนั่นเอง หรือบางเรื่องเล่าก็บอกว่าเพราะแม่น้ำใสมากจนเห็นเงาสะท้อนจึงได้ชื่อนี้มา แต่ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าเป็นสะพานแห่งนี้สามารถมองเห็นเงาสะท้อนได้อย่างชัดเจนทั้งคู่เลย ยิ่งถ้าไปช่วงซากุระแล้ว อาจได้เห็นเงาสะท้อนของซากุระบนแม่น้ำก็ได้นะ คงจะเป็นการชมซากุระในมุมใหม่ ๆ ที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อย ๆ แน่ ๆ

สะพานโอโมคาเงะ(Omokage-bashi)
ที่อยู่: 2 Chome-1-16 Takada, Toshima City, Tokyo 171-0033, Japan
วิธีเดินทาง: เดินประมาณ 1 นาทีจากสถานี Omokage-bashi ของรถรางสาย Toden Arakawa 

ชมซากุระที่ซ่อนอยู่ในอุเอโนะ

พอเข้าฤดูใบไม้ผลิ สวนสาธารณะอุเอโนะก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดฮอตฮิตสำหรับชมซากุระทั้งของนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่น เพราะภายในสวนมีถนนที่เรียงรายไปด้วยต้นซากุระทั้งสองข้างทาง แน่นอนว่านอกจากอัดแน่นไปด้วยซากุระแล้ว จำนวนคนก็อัดแน่นไม่แพ้กัน🥲
แต่โชคดีที่รอบสวนอุเอโนะยังมีสถานที่ชมซากุระเงียบสงบซ่อนอยู่ให้เราได้ชมซากุระแบบสงบ ผ่อนคลาย และไม่พลุกพล่านเท่าเดิม

จุดที่ 7🌸ศาลเจ้าโอโนะ-เทรุซากิ



ศาลเจ้าโอโนะ-เทรุซากิ ศาลเจ้าเล็ก ๆ ที่อบอุ่นในย่านอิริยะใกล้อุเอโนะ เดินจากสวนอุเอโนะเพียง 10 นาทีถึง ศาลเจ้านี้ก่อตั้งเมื่อพันกว่าปีที่แล้วเพื่อเป็นการสักการะแด่โอโนะ ทาคามูระ นักวิชาการและกวีมีชื่อด้านการแต่งกลอนทังกะในสมัยเฮอัน แม้จะเป็นศาลเจ้าเล็ก ๆ แต่ศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีต้นซากุระต้นหนึ่งปักหลักอย่างแข็งแกร่งอยู่ภายใน ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ออกดอกเร็วและมีกลีบสีชมพูเข้ม
และถึงแม้จะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่สะดุดตานัก แต่ทั้งผู้ที่ชื่นชอบศาลเจ้า รวมไปถึงบรรดานักท่องเที่ยวก็แวะเวียนมาเยี่ยมชมต้นซากุระสีชมพูเข้มอันโดดเด่นเพียงหนึ่งเดียวนี้เป็นประจำทุกปี ราวกับเป็นสัญลักษณ์ว่าฤดูใบไม้ผลิของโตเกียวได้เริ่มขึ้นแล้ว

อีกจุดขายหนึ่งของศาลเจ้าแห่งนี้ คือตราประทับและลายกระดาษน่าเก็บสะสมสำหรับผู้ที่สะสม “โกชูอิน” (御朱印) หรือตราประทับของศาลเจ้าในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกิจกรรมฮิตในหมู่คนญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่ปีมานี้

กิจกรรมการสะสมโกชูอินนี้ คือการเดินทางไปยังศาลเจ้าต่าง ๆ เพื่อปั๊มตราประทับชื่อของศาลเจ้าลงบนกระดาษให้ครบ โดยนอกจากตราประทับแล้ว แต่ละศาลเจ้ายังมีลวดลายกระดาษเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง รวมถึงหลาย ๆ ที่มักจะเปลี่ยนลายกระดาษทุกเดือนเพื่อดึงดูดให้ผู้คนแวะมาเยี่ยมเยียนเพิ่มขึ้นอีกด้วย

สำหรับศาลเจ้าโอโนะ-เทรุซากิ มีชื่อเสียงในเรื่องลายกระดาษที่พิเศษมากกว่าที่อื่น เพราะมีภาพประกอบสีสันสดใสชวนฝัน มีรูปของมาสคอตประจำศาลเจ้า ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โอโนะ ทาคามูระ ที่กำลังเพลิดเพลินกับธรรมชาติหรือกิจกรรมต่าง ๆ ตามแต่ละฤดูกาล ร่วมกับเหล่าเพื่อนสัตว์ตัวน้อยของเขา (ดูตัวอย่างตราประทับและกระดาษของจริงได้ที่รูปภาพด้านบน)
หากอยากลองเริ่มสะสมโกชูอิน ที่ศาลเจ้าโอโนะ-เทรุซากิใกล้อุเอโนะแห่งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีก็ได้นะ!

ศาลเจ้าโอโนะ-เทรุซากิ (Ono-Terusaki Shrine)
ที่อยู่: 2-13-14 Shitaya, Taito City, Tokyo
เวลาเปิดทำการของศาลเจ้า: 9:00 – 16:00
Official Website (JP)
 

จุดที่ 8🌸ศาลเจ้าโมโตมิชิมะ



จุดถัดไปนี้อาจเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะอาจจะต้องเดินฝ่าแสงไฟนีออนและโรงแรมม่านรูดภายในย่าน Uguisudani เพื่อไปยังศาลเจ้าโมโตมิชิมะ โอเอซิสเล็ก ๆ อันเงียบสงบ แต่รับรองได้ว่าซากุระสวยคุ้มค่ากับการเดินลัดเลาะตามหา เพราะทางขึ้นไปยังศาลเจ้าแห่งนี้ถูกรายล้อมไปด้วยกิ่งก้านของต้นซากุระที่โน้มลงมาจนกลายเป็นอุโมงค์ ชวนให้รู้สึกเหมือนเดินลอดอุโมงค์ซากุระขึ้นสวรรค์เลย 

ความพิเศษของซากุระภายในศาลเจ้าคือมีต้นซากุระหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งบานไล่เลี่ยกัน ทำให้เราสามารถดูซากุระได้ตลอดทั้งฤดูกาล อย่างบริเวณทางเข้าและรอบ ๆ ประตูเป็นพันธุ์ "คังซากุระ" สีชมพูสดใส เริ่มบานตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม แซงหน้าต้นซากุระอื่น ๆ ในโตเกียว และยังมีพันธุ์ "โซเมอิ โยชิโนะ" ซากุระสีขาวบานอยู่ทั่วศาลเจ้าที่จะบานหลังจากคังซากุระเล็กน้อย 

(และสำหรับใครที่สนใจอยากสะสมโกชูอิน หรือตราประทับศาลเจ้า บอกเลยว่าลายกระดาษของศาลเจ้าโมโตมิชิมะก็ควรค่ากับการเก็บสะสมมาก ๆ เพราะมีตัวเลือกที่หลากหลาย ลายกระดาษพิมพ์ตัวอักษรเขียนด้วยพู่กันด้วยนะ)

ศาลเจ้าโมโตมิชิมะ (Motomishima Shrine)
ที่อยู่: 1-7-11 Negishi, Taito City, Tokyo
วิธีการเดินทาง: ใกล้กับสถานี JR Uguisudani หรือเดินประมาณ 10 นาที จากศาลเจ้าโอโนะเทรุซากิก็ได้เช่นกัน
Official Twitter

จุดที่ 9🌸สุสานยานากะ



ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นสุสาน แต่ด้วยบรรยากาศมีชีวิตชีวาเหมือนสวนสาธารณะจนไม่หลงเหลือภาพจำน่ากลัว ๆ ของสุสานเลย เป็นเหมือนพื้นที่ทั้งสำหรับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและผู้ที่ยังมีชีวิตด้วย 

ตัวสุสานยานากะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของวัดเท็นโนจิ มีถนนสายซากุระซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการชมซากุระตัดผ่านตัวสุสานไปยังตัววัด
เมื่อถึงฤดูกาลที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง ต้นซากุระที่ตั้งอยู่เรียงรายริมถนนผลิดอกสีขาวและชมพูอ่อน กิ่งก้านของต้นซากุระยื่นแผ่ออกมาเหนือศีรษะ ความสวยงามและบรรยากาศอันแสนสงบนี่เองที่ดึงดูดให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาชม
นอกจากนี้หากลองมองตามกลีบสีชมพูอ่อนที่ร่วงหล่นลงมา และสังเกตป้ายบนหลุมศพ เราอาจได้พบกับสุสานของคนดังผู้ล่วงลับอย่าง “โทกุกาวะ โยชิโนบุ” โชกุนคนสุดท้ายแห่งญี่ปุ่น หรือ “ฮิงุจิ อิจิโย” นักเขียนเจ้าของใบหน้างดงามบนธนบัตร 5,000 เยน ซึ่งต่างก็หลับใหลอย่างสงบภายใต้ต้นซากุระของที่นี่

สุสานยานากะ (Yanaka Cemetery)
ที่อยู่: 7-5-24 Yanaka, Taito City, Tokyo
Official Website (JP)

ในบริเวณอุเอโนะที่เราคิดว่าคงไม่มีที่ไหนน่าไปชมซากุระเท่าสวนอุเอโนะแล้ว ก็ยังมีสถานที่ชมซากุระดี ๆ ซ่อนอยู่และรอให้เราไปค้นพบ อย่างภายในศาลเจ้าหรือสุสาน ที่แม้ไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ แต่ก็มีความสำคัญเพราะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนในพื้นที่ ดังนั้นหากอยากเปิดประสบการณ์ชมซากุระแบบใหม่ ก็ลองไปตามที่ข้างบนกันดูได้เลย!

ชมซากุระริมแม่น้ำสุมิดะ

แม่น้ำสุมิดะ หนึ่งในทางน้ำสายหลักของโตเกียว ไหลผ่านสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างย่านอาซากุสะหรือสวนสาธารณะสุมิดะ ซึ่งเป็นจุดที่หลาย ๆ คนแวะไปชมซากุระกัน
แต่นอกเหนือจากสวนสาธารณะสุมิดะแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระริมน้ำได้ด้วยนะ

จุดที่ 10🌸สวนสาธารณะชิโออิริ (Shioiri Park)



ชวนหลีกหนีจากความวุ่นวายของฝูงชนมายังสวนสาธารณะชิโออิริ พื้นที่สีเขียวในย่านมินามิเซ็นจู ที่ไม่เพียงแต่มีขนาดกว้างขวางกว่าสวนสาธารณะทั่ว ๆ ไป แต่ยังเต็มไปด้วยซากุระหลากหลายสายพันธุ์ โดยแต่ละสายพันธุ์จะบานในช่วงเวลาต่างกันเล็กน้อย ในบางปีเริ่มบานตั้งแต่ช่วงต้นกุมภาพันธ์และบานเต็มที่จนถึงกลางเดือนเมษายน ทำให้เราสามารถดูซากุระกันได้ยาว ๆ เลย ที่สำคัญคือสวนแห่งนี้สะอาดมาก เพราะได้รับการดูแลจากโครงการพัฒนาเมืองเป็นอย่างดี ให้เราได้นั่งชมซากุระริมน้ำไปพลาง หม่ำของว่างไปพลางได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าเป็นสวนที่เหมาะกับการปิกนิกสุด ๆ แถมถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้เห็นในอีกบรรยากาศหนึ่งด้วยแหละ

แม้ปัจจุบันสวนสาธารณะชิโออิริ รวมถึงบริเวณโดยรอบในเขตเซ็นจูได้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ด้วยเสน่ห์ของความเป็นย่านเมืองค้าเก่า แต่ก็ยังไม่แพร่หลายมากพอที่จะกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในกระแสหลักของชาวต่างชาติ จึงทำให้สวนชิโออิริเป็นอีกหนึ่ง hidden gem สำหรับชมซากุระในโตเกียว ให้เราได้ดื่มด่ำกับซากุระอย่างเต็มอิ่ม ยังไงก็อย่าลืมแวะไปกันก่อนที่มันจะแมส!

สวนสาธารณะชิโออิริ (Shioiri Park)
ที่อยู่: 8-13-1 Minamisenju, Arakawa City, Tokyo
Official Website (JP)

เลือกจุดชมดอกซากุระที่ชอบ แล้วออกไปชมในช่วงใบไม้ผลินี้กันเถอะ!



นอกจากสถานที่ชมซากุระยอดฮิตติดชาร์ตทุกปีอย่างสวนอุเอโนะหรือริมแม่น้ำเมกุโระ ในโตเกียวยังมีจุดชมดอกซากุระสวย ๆ ซ่อนอยู่มากกว่าที่เราคิด ตั้งแต่สวนสาธารณะใหญ่ ๆ ไปจนถึงในศาลเจ้าเล็ก ๆ ในย่านชานเมือง หากอยากหลีกหนีจากฝูงชนมาหาความสงบ ก็ลองเลือกจุดที่ชอบและออกไปผจญภัยตามสถานที่ด้านบนในฤดูซากุระปีนี้กันเถอะ🌸✨

หรือถ้าใครมีจุดชมซากุระลับ ๆ ที่สวยเกินกว่าจะเก็บไว้คนเดียว ก็สามารถแจ้งทีมงาน JAPANKURU เข้ามาทาง Facebook ได้เลย! รอฟังจากทุกคนอยู่น้า🫶🏻

Follow us @Japankuru on Facebook, Instagram, and Twitter!

  • facebook
  • line

COMMENT

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments

FEATURED MEDIA

VIEW MORE →

What are your plans for cherry blossom season this year? Have you seen all of our favorite cherry blossom destinations yet? 👀 🌸 
>> Find out more at Japankuru.com! (link in bio)
#🌸 #tokyo #tokyotrip #osaka #osakatrip #nagoya #nagoyatrip #cherryblossom #cherryblossoms #cherryblossomseason #sakura #sakuraseason #japancherryblossom #springinjapan #tokyotravel #japanspring #japaneseculture #japantrip #Japan #japantravel #traveljapan #japankuru

What are your plans for cherry blossom season this year? Have you seen all of our favorite cherry blossom destinations yet? 👀 🌸 >> Find out more at Japankuru.com! (link in bio) #🌸 #tokyo #tokyotrip #osaka #osakatrip #nagoya #nagoyatrip #cherryblossom #cherryblossoms #cherryblossomseason #sakura #sakuraseason #japancherryblossom #springinjapan #tokyotravel #japanspring #japaneseculture #japantrip #Japan #japantravel #traveljapan #japankuru

1|9

MAP OF JAPAN

SEARCH BY REGION →

    • ฮอกไกโด

      VIEW MORE →

      ฮอกไกโด อยู่ทางเหนือสุดจาก 4 เกาะหลักของญี่ปุ่น บริเวณนี้โด่งดังเรื่องเบียร์ซัปโปโร การผลิตและการกลั่นเบียร์ รวมถึงเทศกาลหิมะ และอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม และยังเหมาะกับเหล่านักชิมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งที่ปลูกในฮอกไกโด แคนตาลูป ผลิตภัณฑ์จากนม ซุปแกงกะหรี่ และมิโซะราเมน

    • นิกิ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด ห่างจากโอตารุประมาณ 30 นาที นิกิเป็นเมืองเล็กๆที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ ทำให้สวนผลไม้ของที่นี่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น เชอร์รี่ มะเขือเทศ และองุ่น มีโรงกลั่นไวน์ และกลายเป็นสถาที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารและไวน์ในเวลาไม่นาน

    • นิเซโกะ ห่างจากสนามบิน New Chitose ประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีรีสอร์ทในฤดูหนาวที่ดีที่สุด และยังเป็นจุดที่ชาวต่างชาติมักแวะมาเยี่ยมเยียน เพราะหิมะของที่นี่มีคุณภาพสูง นุ่มละเอียดดุจผงแป้ง ที่ไม่ว่านักสกี นักสโนว์บอร์ด รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ต้องกลับมาซ้ำ นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อย และออนเซ็นวิวสวยอีกด้วย

    • โอตารุ คือเมืองที่อยู่ทางตะวันตกของฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางจากสถานีซัปโปโรประมาณ 30 นาที ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 กิจการการค้าขายและการประมงรุ่งเรืองมาก โดยอาคารที่สร้างในสมัยนั้นก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ย่านคลองโอตารุ ในปัจจุบัน เนื่องจากในอดีตที่นีเป็นศูนย์กลางของการประมง ทำให้มีร้านซูชิกว่า 100 ร้าน ให้เราได้เลือกชิมซูชิสดใหม่ ที่มีคนต่อแถวยาวบริเวณถนนซูชิ (Sushi Street)

    • SAPPORO

      VIEW MORE →

      ซับโปโร ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด เป็นศูนย์กลางของการเมืองและเศรษฐกิจของฮอกไกโด มีสนามบินชินจิโตะเสะ (New Chitose Airport) ที่รองรับเที่ยวบินจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียว โอซาก้า และเที่ยวบินจากต่างประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลหิมะขึ้นที่สวนโอโดริ (Odori Park) หนึ่งในงานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของฮอกไกโด และยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย ทั้งราเมน เนื้อแกะย่าง ซุปแกงกะหรี่ และอาหารทะเล

    • โทโฮคุ

      VIEW MORE →

      โทโฮคุประกอบด้วย 6 จังหวัดที่อยู่ทางภาคอีสานญี่ปุ่น เป็นแหล่งปลูกพืชที่สำคัญ (แหล่งอาหารชั้นเยี่ยม) เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม พร้อมทั้งภูเขา ทะเลสาบ และแหล่งออนเซ็น

    • ฟุกุชิมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุชิมะ อยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ และแบ่งออกเป็น 3 เขตใหญ่คือ ฮามะโดริ (ชายฝั่ง) นากะโดริ (ตอนกลางของจังหวัด) และไอซุ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยเอโดะ อุทยานแห่งชาติโอเซะ ราเมคิตะคะตะ Bandai Ski Resort (พาวเดอร์สโนว์) เป็นจังหวัดที่สามารถเที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดู

    • ยามากาตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดยามากาตะ อยูในภูมิภาคโทโฮคุ หรือภาคอีสานของญี่ปุ่น ผู้คนนิยมไปเที่ยวในฤดูหนาว แช่ออนเซ็นและเล่นสกี โดยเฉพาะที่ Zao Onsen Ski Resort และที่ Gassan Ski Resort ชมความงามของหิมะที่ปกคลุมต้นไม้ จนหลายคนเรียกว่าปีศาจหิมะ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป เช่น วัด Risshakuji หรือวัด Yamadera, Ginzan Onsen ออนเซ็นบนถนนเก่าแก่ และทะเลสาบโอคามะ บนเขาซาโอะ นอกจากนี้ยังมีเนื้อโยเนซาวะ 1 ใน 3 อันดับเนื้อวากิวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น

    • อาคิตะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดอาคิตะ อยู่บริเวณทะเลญี่ปุ่น ทางตอนเหนือสุดของภูมิภาคโทโฮคุ มีสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้มากที่สุดในญี่ปุ่น เช่น ประเพณีนามะฮาเกะ ที่แหลมโอกะ (ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ว่าเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้) และเทศกาลคันโต เทศกาลชื่อดังของภูมิภาคโทโฮคุ

    • คันโต

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในญี่ปุ่น ประกอบด้วย 7 จังหวัดคือ กุมมะ โทจิกิ อิบารากิ ไซตามะ โตเกียว ชิบะ และคานากาวะ ศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจ ความสนุกสนาน ความบันเทิงที่พบได้จะมีตั้งแต่ออนเซ็น สวนสนุก ธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนแบบระยะสั้นเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืน

    • กุนมะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดกุนมะ เดินทางสะดวก มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เช่น โอเสะ น้ำตกฟุกุวาเระ รวมถึงแหล่งออนเซ็นชื่อดัง (คุซัตสึ, อิกาโฮะ, มินาคามิ, ชิมะ) จนถูกเรียกว่าเป็นเมืองออนเซ็น และยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ และคนรักรถไฟอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรงไหมโทมิโอกะ สะพานเมกาเนะบาชิ และทางรถไฟวาตาระเสะเคโคคุ

    • โตเกียว

      VIEW MORE →

      โตเกียว (東京) เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งความทันสมัย ตึกสูงเสียดฟ้า และผู้คนจำนวนมาก แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ทั้งพระราชวังอิมพีเรียล ย่านอาซากุสะ และยังเป็นเมืองอันดับต้นๆของโลกที่โดดเด่นในเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะ แฟชั่น เกมส์ เทคโนโลยี การคมนาคม และอื่นๆอีกมากมาย

    • โทจิกิ

      VIEW MORE →

      จังหวัดโทจิกิ มีเมืองสำคัญคือเมืองอุสึโนมิยะ ที่มีเกี๊ยวซ่าอันโด่งดัง และอยู่ห่างจากโตเกียวเพียง 1 ชั่วโมง มีธรรมชาติที่สวยงามให้ชมตลอดปี ตั้งแต่ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ไปจนถึงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นิกกโก เมืองมรดกโลก ศาลเจ้าโทโชกุ ทะเลสาบชูเซ็นจิ สวนดอกไม้อะชิคากะ (ดังเรื่องดอกวิสทีเรีย) รวมถึงเมืองนาซุ ที่เป็นที่นิยมในการท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการที่เป็นที่แปรพระราชฐานของจักรพรรดิญี่ปุ่น

    • ชูบุ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคชูบุ ตั้งอยู่บริเวณกลางประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ ไอจิ ฟุกุอิ กิฟุ อิชิคาว่า นางาโนะ นีกาตะ ชิซูโอกะ โทยาม่า และยามานาชิ บริเวณนี้มีชื่อเสียงเรื่องภูเขา โดยเฉพาะภูเขาไฟฟูจิ และเจแปนแอลป์ สกีรีสอร์ทในจังหวัดนางาโนะและจังหวัดนีกาตะ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูหนาว

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดชิซึโอกะ อยู่ตรงกลางระหว่างภาคตะวันตกและตะวันออกของญี่ปุ่น ทำให้ไม่ว่าจะเดินทางจากโตเกียวหรือโอซาก้าก็สะดวก มีธรรมชาติที่สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งภูเขาไฟฟูจิ อ่าวซุรุกะ ทะเลสาบฮามานาโกะ หุบเขาสุมาตะ คาบสมุทรอิซุ (แหล่งออนเซ็นอะตามิ อิโตะ ชิโมดะ ชูเซ็นจิ และโดกะชิมะ) นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งยังมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของตะกูลโทกุกาว่า มีเมนูขึ้นชื่อคือปลาไหล เกี๊ยวซ่าของฮามามัตสึ และชาเขียวคุณภาพดี

    • ชิซุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดนากาโนะ เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่นปราสาทคุมาโมโต้ วัดเซ็นโคจิ ศาลเจ้าโทกะคุชิ รวมถึงไฮไลท์ก็คือ เจแปนแอลป์ ผลไม้ของนากาโนะก็เป็นอีกอย่างที่มีชื่อเสียง ซึ่งเห็นได้จากสวนผลไม้ที่มีกิจกรรมให้เก็บผลไม้หลายชนิด และแหล่งออนเซ็นอย่าง Jigokudani ลิงแช่ออนเซ็น การเดินทางไปยังนากาโนะก็แสนง่าย เพราะมีรถไฟชินคันเซ็น โฮคุริคุ จากโตเกียวไปถึงนากาโนะ และเมื่อปี 1998 มีการจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่นากาโนะ ทำให้สกีรีสอร์ทที่ ฮาคุบะและชิกะโคเก็น กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

    • นาโกย่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดไอจิ ตั้งอยู่ใจกลางประเทศญี่ปุ่น มีเมืองนาโกย่าเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ไอจิเป็นเมืองอุตสาหกรรม และยังบ้านเกิดของรถยี่ห้อโตโยต้า มีพร้อมทั้งทะเลและภูเขา เช่น เกาะซาคุ หาดโคอิจิกาฮามะ เขาโฮราอิจิ ในอดีตเป็นเวทีในการต่อสู้ เช่น ในสมัยเซ็นโกคุ โอดะ โนบุนากะ, โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และโทกุกาว่า อิเอยาสุ ก็ได้ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ที่นี่ เช่น ปราสาทนาโกย่า ปราสาทอินุยามะ รวมถึงเมจิมูระ

    • นีงะตะ

      VIEW MORE →

      จ.นีงะตะตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู ติดกับทะเลญี่ปุ่น เต็มไปด้วยของขวัญจากธรรมชาติ มีสกีรีสอร์ตชื่อดังอย่างเช่น Echigo-Yuzawa อุทยานแห่งชาติ ออนเซ็นธรรมชาติ ซีฟู้ดสดใหม่ ข้าวญี่ปุ่น และสาเก นักท่องเที่ยวนิยมพักผ่อนในเมืองนีงะตะ และเกาะซาโด

    • คันไซ

      VIEW MORE →

      ภูมิภาคคันไซประกอบด้วยจังหวัดมิเอะ นารา วากายาม่า เกียวโต โอซาก้า เฮียวโกะ และชิกะ เมืองหลวงเก่าอย่าเกียวโตก็อยู่ในภูมิภาคคันไซ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของญี่ปุ่น ทั้งวัดและศาลเจ้าที่เกียวโต ปราสาทโอซาก้า และกวางที่นารา อีกทั้งผู้คนในแถบคันไซยังเป็นมิตร จึงเหมาะกับการเป็นสถานที่พักผ่อน

    • นารา

      VIEW MORE →

      จังหวัดนารา เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในอดีต ช่วงยุคนารา หรือราวค.ศ 710 ในช่วงที่นาราเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้นถูกเรียกว่า "เฮโจเกียว" และยังเป็นเส้นทางสายไหม ที่เฟื่องฟูไปยังนานาชาติและผลิตสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมมากมาย สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังนาราก็คือ สวนนารา ที่เต็มไปด้วยกวาง การปีนเขาโยชิโนะ และจุดชมซากุระ

    • เกียวโต

      VIEW MORE →

      เกียวโต เคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นตั้งแต่ปีค.ศ.794-1100 ที่เป็นศูนย์กลางในด้านการเมืองและวัฒนธรรม ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นถนนกิอง วัดทอง วัดน้ำใส และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง แม้แต่ป่าไผ่อาราชิยาม่าอันโด่งดัง ที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชมความงาม ที่หมุนเวียนไปตลอดทั้ง 4 ฤดู

    • โอซาก้า

      VIEW MORE →

      โอซาก้า เป็นเมืองที่ผู้คนเป็นมิตรและมีแต่ความสนุกสนาน แต่ประวัติศาสตร์ของที่นี่ไม่ได้สนุกเหมือนกับในปัจจุบัน เพราะโอซาก้านั้นมีส่วนสำคัญในการรวมญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 16 ทำให้โอซาก้าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่น มีเมนูอาหารชื่อดัง จนได้ชื่อว่าเป็น "ครัวของญี่ปุ่น" ในปัจจุบันโอซาก้าเป็นต้นแบบของญี่ปุ่นตะวันตก ที่มาพร้อมกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทโอซาก้า แหล่งช้อปปิ้งย่านอุเมดะอย่าง Grand Front Osaka และ Abeno Harukas โอซาก้าเป็นสวรรค์ของนักชิม มาพร้อมกับเมนูขึ้นชื่อย่าง ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ และคุชิคัตสึ รวมถึงเป็นที่ตั้งของสวนสนุก Universal Studios Japan อีกด้วย

    • ชูโกกุ

      VIEW MORE →

      ชูโกกุ ประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ ฮิโรชิม่า โอคายาม่า ชิมาเนะ ทตโตริ และยามากุจิ สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคือ เนินทราย (ทตโตริ) และ สวนสันติภาพ (ฮิโรชิม่า) และเมื่อข้ามน้ำไปยังชิโกกุที่มีด้วยกัน 4 จังหวัดคือ เอฮิเมะ คากาวะ โคจิ และโทคุชิม่า ขึ้นชื่อเรื่องอุด้ง (คากาวะ) และโดโกะออนเซ็น (เอฮิเมะ)

    • ฮิโรชิม่า

      VIEW MORE →

      จังหวัดฮิโรชิม่า มีทั้งแหล่งมรดกโลก ธรรมชาติ และอาหารอร่อย สามารถนั่นเครื่องบินจากโตเกียวโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ครึ่ง และนั่งรถไฟ 4 ชั่วโมง มีแหล่งมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO 2 แห่ง คือ ศาลเจ้าอิสึคุชิมะบนเกาะมิยาจิมะ และ Atomic Bomb Dome นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลจากทะเลในเซโต โดยเฉพาะหอยนางรม โอโคโนมิยากิสไตล์ฮิโรชิม่า เลมอเซโตอุจิ และธรรมชาติที่สวยงามสะกดสายตา

    • ชิโกกุ

      VIEW MORE →

      On the other side of the Seto Inland Sea opposite Japan’s main island, Shikoku (四国) is a region made up of four prefectures: Ehime, Kagawa, Kochi, and Tokushima. The area is famous for its udon (in Kagawa), and the beautiful Dogo Onsen hot springs (in Ehime).

    • คากาวะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดคากาวะ อยู่ทางตอนเหนือของเกาะชิโกกุ ติดกับเกาะหลักของญี่ปุ่นและทะเลในเซโต เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น มีซานุกิอุด้งชื่อดัง จนทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า เมืองอุด้ง มีศาลเจ้าโกโตฮิรากุและสวนริสึริน ว่ากันว่าหากมองไปที่ Zenigata Sunae หรือภาพวาดจากทราย จะทำให้ไม่ขัดสนเรื่องเงินตลอดไป

    • คิวชู

      VIEW MORE →

      เกาะคิวชู ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น มีด้วยกัน 7 จังหวัด คือ ฟุกุโอกะ ซากะ นางาซากิ คุมาโมโต้ โออิตะ มิยาซากิ และคาโกชิม่า เกาะนี้มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากที่อื่น เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากจีนและฮอลันดา เข้ามาทำการค้าในสมัยก่อน โดยมิชชันนารีเข้ามาทางท่าเรืองในจ.นางาซากิ และต้องขอบคุณการระเบิดของภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ที่ทำให้ที่นี่มีพร้อมทั้งวิวทิวทัศน์ ธรรมชาติ อาหาร แหล่งออนเซ็นที่สวยงาม

    • คาโกชิม่า

      VIEW MORE →

      คาโกชิมะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสิ่งใหม่ๆของญี่ปุ่น โดยมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงในอดีต เช่น ซามูไร ไซโกะ ทาคาโมริ และ โอคุโบะ โทชิมิจิ ผู้ผลักดันญี่ปุ่นจากยุคเอโดะมายังยุคเมจิ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ สวนเซ็นกันเอ็น ภูเขาไฟซากุระจิมะ ออนเซ็นอิบุสุกิ ออนเซ็นคิริชิมะ เกาะยาคุชิมะ แหล่งมรดกโลก หรือเกาะอะมามิโอชิมะ เกาะที่ว่ากันว่าอยู่ใกล้สวรรค์มากที่สุด แม้จะตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะหลัก แต่คาโกชิมะก็เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่รอให้ไปชมมากมาย

    • ฟุกุโอกะ

      VIEW MORE →

      จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นเมืองที่มีประชากรอยู่มากที่สุดในภูมิภาคคิวชู มี 2 เมืองใหญ่คือ ฟุกุโอกะและคิตะคิวชู การท่องเที่ยวในฟุกุโอกะนั้นสะดวกสบาย ทำให้สามารถไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าดาไซฟู เท็นมังกุ มตสึนาเบะ(หม้อไฟเครื่องใน) ไข่ปลาเม็นไทโกะ(ไข่ปลาคอตรสเผ็ด) และราเมนฮากาตะ นอกจากนี้ที่นี่ยังเหมาะกับทั้งคนที่ชอบช้อปปิ้ง และชอบธรรมชาติ

    • โอกินาว่า

      VIEW MORE →

      เกาะโอกินาว่านั้นอยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นส่วนที่ร้อนที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จากในอดีตที่มีการปกครองตนเอง และเหตุการณ์ทางการเมือง และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้โอกินาว่าที่วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีวัฒนธรรมจากอาณาจักรริวกิวหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภาษา เสื้อผ้า นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นต้นกำเนิดของคาราเต้อีกด้วย

RELATED ARTICLES

PARTNERS